วันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2554

The White Massai (2005) : เธอรัก เธอหลง หรือว่า เธอหลงทางรัก?


The White Massai (2005)
หนังเยอรมัน (
German : Die weisse Massai -Original title)
เวลาฉาย :131 นาที ประเภท : Drama | Romance
ผู้กำกับ : Hermine Huntgeburth
บทประพันธ์/เขีียนบท :
Corinne Hofmann (นวนิยาย), Johannes W. Betz (เขียนบท)
ดารานำแสดง :Nina Hoss, Jacky Ido และ Katja Flint
รางวัลที่ได้รับ :ชนะรางวัลประเภท Best Actress:Nina Hoss ในการประกวด Bavarian Film Awards 2006
--
ความ รัก และความหลง ใกล้เคียงกันชนิดบางครั้งคุณก็ไม่รู้หรอกว่าความรู้สึกที่คุณกำลังเป็นอยู่ คืออารมณ์ชนิดไหนกันแน่ แต่ที่รู้ๆคือ ความรักนั้นก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ และมั่นคง แต่ขณะเดียวกันความหลงจะเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว และมีพลังรุนแรงที่ผลักดันชีวิตคุณให้เปลี่ยนได้อย่างคาดไม่ถึง แต่มันเกิดและหมดได้เพียงชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น

ภาพยนต์เยอรมัน เรื่องนี้สร้างจากหนังสือนวนิยายเรื่อง "The white Masai" ของ Corinne Hofmann ซึ่งถ่ายทอดจากชีวิตจริงของเธอเอง โดยเป็นเรื่องราวของความสัมพันธ์ของคนสองคนที่มีความแตกต่างกันอย่างสิ้น เชิงในแทบจะทุกด้าน แน่นอนว่ามุมมองของความสัมพันธ์นี้ย่อมมาจากทางฝ่ายหญิงในการเล่าเรื่องถึง เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น

The White Massai ดำเนินเรื่องเริ่มต้นขึ้นเมื่อหญิงสาวชาวสวิสโคโลร่า ( Nina Hoss) กับสเตฟาน แฟนหนุ่มที่คบกันมาถึง 2 ปีเดินทางมาเที่ยวที่ประเทศเคนย่า ในวันสุดท้ายของทริปนี้ เธอและแฟนหนุ่มตกอยู่ในภาวะคับขันทั้งตกรถ และโดนชนพื้นเมืองดักรุมจี้ แต่โชคดีที่ได้รับความช่วยเหลือจากหนุ่มนักรบเผ่ามาไซชื่อ เลมาเรียน (Jacky Ido) กับเพื่อนช่วยเหลือไว้


โคโรล่า เชื่อว่า คนเราทุกคนจะมีช่วงเวลาที่ชีวิตจะพลิกผัน และช่วงเวลานี้สำหรับเธอมาถึงแล้ว เมื่อแรกได้สบตากับหนุ่มนักรบมาไซคนนี้ เธอรู้ทันทีว่า ชีวิตเธอกำลังจะเปลี่ยนแปลงไป.. และแ้ม้ความขัดแย้งที่มีต่อแฟนหนุ่มที่คบกันมานานจะไม่มากนัก แต่ก็เพียงพอที่จะเธอจะตัดสินใจปล่อยให้เขากลับไปประเทศสวิสเซอร์แลนด์บ้าน เกิดเพียงคนเดียว

ส่วนตัวเธอตัดสินใจเสี่ยงเดินหน้าต่อไปเพื่อตาม เสียงของหัวใจตัวเอง แม้จะไม่รู้มาก่อนว่าเขาอยู่แห่งหนใด จนในที่สุดความพยายามก็เป็นผลสำเร็จแม้จะต้องเดินทางต่อรถบัสหลายต่อ จนมาพบเขาที่หมู่บ้านบาร์ซาลอย ในจังหวัดซัมบูรูอันเป็นแหล่งพำนักของชนเผ่าพื้นเมืองมาไซที่กันดารขนาดไม่ ถูกบรรจุอยู่ในแผนที่ใดๆ

อย่างรวดเร็วและง่ายดายเมื่อทั้งคู่ได้พบ กัน พวกเขาก็ตัดสินใจที่่จะใช้ชีวิตร่วมกันทันที โดยปราศจากการคำนึงถึงความแตกต่างหรือ ความเหมาะสมใดๆทั้งสิ้นแต่แน่นอนว่าละครชีวิตไม่ได้จบอย่าง happy ending เมื่อคู่รักคู่หนึ่งแต่งงานใช้ชีวิตร่วมกัน แต่มันเป็นแค่บทเริ่มต้นละครชีวิตบทใหม่เท่านั้นเอง เช่นเดียวกับชีวิตคู่ของคาโรล่า และ เลมาเรียน ที่จะต้องเผชิญบททดสอบอีกมากมาย ..

และความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง นี่เองทำให้คาโรล่าถึงกับรำพึงออกมาหลังจากผ่านเรื่องราวต่างๆมาว่า "พวกเขาไม่คิดถึงอนาคต ไม่คิดถึงอดีต คิดถึงแต่ปัจจุบัน กว่าฉันจะเข้าใจมันได้ก็ใช้เวลานานพอดู" (แหม..เข้าใจช้านะตัวเธอ -_-'' ที่จริงแล้ว ฉันเห็นใจฝ่ายหนุ่มเลมาเลียนมากกว่าน่ะ)

ฉันดูหนัง เรื่องนี้ด้วยความทึ่ง ทึ่งในความกล้าหาญชาญชัยของหญิงสาวคนหนึ่งที่กล้าจะตัดสินใจเดินทางไปในถิ่น แปลกทั้งภูมิประเทศ และภาษา วัฒนธรรมขนาดนั้น เพียงเพื่อทำตามเสียงเรียกร้องของหัวใจตัวเอง -_-'' (จะมีผู้ชายคนไหนมีค่า คู่ควรกับการเสี่ยงชีวิตขนาดนั้น?)

ขณะที่คาโรล่าบอกตัวเองว่า "ความรัก" ที่มีต่อชายหนุ่มแปลกหน้าคนนี้ จะเป็นสิ่งที่จะประคับประคองให้เธอดำรงชีวิตต่อไปได้แม้จะอยู่ในถิ่นที่ไม่ คุ้นเคย แต่มีความจริงหนึ่งที่เธอไม่รู้หรืออาจจะไม่เคยคิดมาก่อนว่า ถ้ามันเป็นความรัก มันจะต้องทนต่อการพิสูจน์ได้ในทุกรูปแบบ

ฉันชอบ ประโยคที่ว่า "ความรักน่ะมีจริง แต่ที่จริงกว่าคือกิเลส" (จากวาทะดังตฤณ) เพราะถึงเวลาใช้ชีวิตจริงๆ แล้ว เมื่อเราใช้ชีวิตคู่กับใครสักคน นั่นคือ เรากำลังใช้ชีวิตอยู่กับข้อบกพร่องของตัวเราเอง และของคนอีกคน ดังนั้นปัญหาต่างๆ จึงตามมาอย่างมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคนสองนั้นมีวิถีชีวิต วิถีความคิดที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แน่นอนว่ามันยากที่จะประคองชีวิตคู่ให้คงอยู่ต่อไปได้ยาวนาน

ความรัก และความหลงนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เพียงแต่เราจะแยกแยะมันได้ชัดเจนต่อเมื่อ เราผ่านช่วงเวลานั้นมาแล้ว ฉันคิดว่าเมื่อวันที่คาโรล่าเขียนหนังสือเล่มนี้ เธอคงเข้าใจดีแล้วว่าที่ผ่านมา สำหรับเธอแล้วมันคืออะไรกันแน่ ...

----
The White Massai (2005) : Movie Trailer

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น