วันเสาร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2555

The Ides Of March (2011) : การเมืองกิน(จิตวิญญาณ)คน



The Ides of March (2011)
ความยาว 101 นาที ประเภท Drama เรตติ้ง IMDb 7.3
ผู้กำกับ : George Clooney
เนื้อเรื่อง/เขียนบท : George Clooney (screenplay), Grant Heslov (screenplay)
ดารานำแสดง :Ryan Gosling, Paul Giamatti, George Clooney,Evan Rachel Wood และ Philip Seymour Hoffman --

อำนาจ ชื่อเสียง และเงินทองไม่เข้าใครออกใคร หนังเรื่องนี้จะทำให้เราเห็นสัจธรรมข้อนี้ได้ชัดขึ้น ก่อนอื่นต้องยอมรับก่อนว่าเป็นหนังที่เกี่ยวกับวงการเมือง แล้วทำออกมาดูสนุก ไม่น่าเบื่อ คงต้องชมฝีมือการเขีียนบท และกำกับของคลูนี่ย์ นอกจากนั้นยังได้ดาราชั้นเยี่ยมที่เราชื่่นชอบหลายๆ คนมาร่วมแจมอีกด้วย ส่งผลให้หนังเรื่องนี้ขึ้นแท่นเป็นหนังในดวงใจอีกเรื่องหนึ่ง

ปกติฉันเป็นคนที่สนใจการเมืองแต่เพียงผิวเผิน การเลือกหนังเรื่องนี้มาชมเพราะพ่อหนุ่มไรอัน กอสลิ่งเป็นเหตุผลหลัก จะว่าไปแล้วถ้าคุณดูจากโปสเตอร์หนังก็คงคิดเหมือนกันใช่ไหมว่า ต้องเป็นหนังแนวซีเรียสแน่ๆ ปกติชีวิตก็เครียดพอล่ะ ไม่ค่อยอยากดูหนังเครียดๆ สักเท่าไหร่ ดูจากเครดิตของกอสลิ่งที่เลือกหนังแสดงในช่วงนี้พอทำให้วางใจได้ระดับหนึ่งว่า น่าจะดีพอ ซึ่งพอได้ดูก็พูดได้เลยว่า ดีกว่าที่คิดเยอะเลยล่ะ

เรื่องราวในหนังเป็นเรื่องเกี่ยวกับแวดวงของทีมหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดี แน่นอนว่ามี 2 ฝ่ายที่แข่งขันกันอย่างดุเดือด และแน่นอนว่าเพื่อชัยชนะพวกเขาสามารถทำได้ทุกอย่าง เพราะชัยชนะในครั้งนี้จะส่งผลต่ออนาคตข้างหน้าอีกด้วย ดังนั้นจึงต้องงัดเอาทั้งเล่ห์กลทั้งหลายมาใช้อย่างสุดฝีมือ และมันส่งผลเปลี่ยนวิถีคิดของชายหนุ่มคนหนึ่งที่เพิ่งกระโจนเข้าสู่วงการนี้ไปตลอดกาล

Sleeping Beauty (2011): อย่าปล่อยรัก ให้หลับไหล


Sleeping Beauty (2011)
ความยาว 101 นาที ประเภท Drama เรตติ้ง IMDb 5.3
ผู้กำกับ : Julia Leigh
เขียนบท : Julia Leigh
ดารานำแสดง : Emily Browning, Rachael Blake และ Ewen Leslie --

ไม่อยากจะบอกว่าคนส่วนใหญ่ดูหนังเรื่องนี้เพราะโปสเตอร์ ฮ่าๆ แต่เอาเข้าจริงๆ ดูจนจบต่างบ่นกันว่า อะไรของมันวะ เพราะมันเป็นหนังที่ดูยากจริงๆ แหล่ะ โชคดีที่เรื่องนี้ฉันไปหาข้อมูลอ่านมาก่อนที่จะดู เลยไม่คาดหวังอะไรมาก ดูให้เข้าใจตัวละครและภาพรวมๆ เท่านั้น  และอีกอย่างคือ ไม่พยายามไปตีความอะไรทั้งสิ้น เพราะมันจะปวดหัว (จริงๆ นะ)

 หนังเรื่องนี้เขาว่ากันว่า ผู้กับกับเธอติสต์มากพยายามจะสอดแทรกปรัชญาหรือแนวคิดอะไรบางอย่างไปกับเรื่องราว โดยใช้การส่งสารผ่านเรื่องราวที่ล่อแหลม ทำให้แม้จะมีฉากเปลือยเยอะ(มาก) แต่ก็ไม่รู้สึกโป๊อะไรนะ (ในความเห็นของฉัน) อย่างน้อยฉากโป๊เปลือยก็ไม่ทำให้ก่อเกิดอารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้น อาจจะเพราะผู้กำกับไม่ได้ส่งสัญญาณแบบนั้นก็ได้ ภาพโป๊เปลือยที่เห็นมันเลยไม่ได้สื่อเรื่องกามารมณ์เท่าไหร่  เพราะฉะันั้นคนที่กลัวว่าหนังจะโป๊มากจนรับไม่ได้ สบายใจได้ ส่วนคนที่หวังจะมาดูนางเอกของเราโป๊ก็พอไหวอยู่นะ :P

My Week with Marilyn (2011): 7 วัน...แล้วคิดถึงกันตลอดไป



My Week with Marilyn (2011) :
ความยาว  99 นาที ประเภท Biography | Drama | History  เรตติ้ง IMDb 7.1
ผู้กำกับ : Simon Curtis
เนื้อเรื่อง/เขียนบท: Adrian Hodges (เขียนบท), Colin Clark (บทประพันธ์)
ดารานำแสดง : Michelle Williams, Eddie Redmayne และ Kenneth Branagh ---

คงไม่มีใครไม่รู้จักดาราสาวเซ็กซี่แห่งวงการฮอลีวูด มารีลิน มอนโรว์ ภาพของหญิงสาวผมบลอนด์หุ่นสวยงามด้วยส่วนโค้งเว้าชัดเจนยืนกระโปรงเปิด ยังอยู่ในใจใครหลายคน แต่ทว่านอกจากภาพของหญิงสาวเซ็กซี่แล้ว ใครจะรู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของเธอเป็นเช่นไร ฉันเองก็เช่นกัน ดังนั้นการได้ชมภาพยนต์เรื่องนี้ ทำให้เหมือนได้รู้สึกตัวตนจริงๆ ที่ซ่อนอยู่ภายใต้รูปร่างและท่าทียั่วยวนนั้น

ภาพยนต์เรื่องนี้สร้างจากหนังสือเล่มหนึ่งที่ชื่อว่า The Prince and the Showgirl. ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ colin clark ผู้เขียนได้มีโอกาสใกล้ชิด และได้เห็นชีวิตบางมุมที่น้อยคนจะได้สัมผัสของสุดยอดเซ็กซิมโบลหญิงแห่งวงการฮอลีวูดขณะนั้น ซึ่งก็คือ มารีลิน มอนโรว์นั่นเอง

Old Boy (2003) : เคลียร์บัญชีแค้นจิตโหด



Old Boy (2003) เคลียร์บัญชีแค้นจิตโหด
หนังเกาหลี :Oldeuboi (original title)
ความยาว 120 นาที ประเภท Drama | Mystery | Thriller เรตติ้ง IMDb :8.4
ผู้กำกับ : Chan-wook Park
เนื้อเรื่อง/เขียนบท : Garon Tsuchiya (story), Nobuaki Minegishi (comic)
ดาราำนำแสดง : Min-sik Choi, Ji-tae Yu and Hye-jeong Kang --

"เวลาคุณหัวเราะ โลกจะหัวเราะไปกับคุณ แต่เวลาคุณร้องไห้ ... ก็ร้องไปคนเดียวสิ" ประโยคนี้เป็นวรรคทองของหนังเรื่องนี้ที่ฉันชอบ และดูว่ามันจะสื่อถึงเรื่องราวชีวิตของตัวละครในเรื่องได้เป็นอย่างดี อาจจะฟังดูออกแนวคิดแง่ลบไปสักหน่อย แต่มันก็เป็นความจริง เพราะว่าเวลาคุณทุกข์ไม่มีใครจะมาทุกข์กับคุณด้วย อาจจะมีคนปลอบใจคุณในช่วงแรก แต่สักพักคุณก็ต้องลุกขึ้นด้วยตัวเอง

Old Boy ได้รับคำนิยมเป็นอย่างมากว่าเป็นหนังดี ที่ดูสนุก ซึ่งถ้าหากมองจากโปสเตอร์หนังอาจจะดูไม่ค่อยน่าเชื่อว่าจะสนุกเท่าไหร่ แต่ถ้าลองให้เวลานั่งดูจนจบ ฉันเชื่อว่าทุกคนจะอึ้งเหมือนกันกับฉัน เพราะมันทั้งเข้มข้น ตื่นเต้น ลุ้นระทึก และกระแทกความรู้สึกกับการหักมุมในประเด็นที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ ต้องบอกว่าหนังเรื่องนี้มีหลายมิติมาก ครบทุกรสจริงๆ ที่สำคัญยิ่งกว่าคือ แต่ละมิติของหนังมันเชื่อมโยงกันอย่างหักมุมชนิดคนดูทำใจแทบไม่ได้ คุณจะรับรู้ด้วยตัวเองเมื่อได้ชมหนังเรื่องนี้ ขอบอกว่าเป็นหนึ่งในหนังที่ "ห้ามพลาด" ถึงคุณจะไม่เชื่อคะแนนที่ IMDb ให้ แต่ขอให้เฉลียวใจสักนิดว่าทำไมมันถึงได้คะแนนนำโด่งไปเสียขนาดนั้น >.<