วันพฤหัสบดีที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2554

Pride and Glory (2008) : ตำรวจดีๆยังมีเหลืออยู่


Pride and Glory (2008)
เรท R ความยาว : 130 นาที ประเภท : Crime | Drama | Thriller
ผู้กำกับ : Govin O'Conner
บทประพันธ์/เขียนบท : Joe Carnahan,Govin O'Conner
ดารานำแสดง : Edward Norton,Colin Farrell และ Noah Emmerich
--
ความสัตย์จริง , เกียรติยศศักดิ์ศรี , ความจงรักภักดี และครอบครัว ถ้าเลือกได้ คุณจะยอมเสียสละสิ่งไหน? ภาพยนต์เรื่องนี้เป็นเรื่องของสมาชิกในครอบครัวข้าราชการครอบครัวหนึ่งที่ต้องเผชิญกับภาวะวิกฤตอันจำเป็นจะต้องเลือกที่จะเสียสละิสิ่งใดสิ่งหนึ่งใน 4 ข้อของคำถามข้างต้น  ที่สำคัญมันเป็นความจริงของพวกเขาเพิ่งถูกค้นพบ และหากว่่ามันถูกเปิดเผยขึ้นจะสั่นสะเืืทือนเกียรติยศศักดิ์ศรีที่พวกเขายึดมั่นมาตลอดอย่างแน่นอน...

Pride and Glory เป็นเรื่องของชีวิต และความสัมพันธ์ของชายสี่วัยในครอบครัวตำรวจ "ตระกูลเทียร์นีย์"  อันประกอบด้วย ฟรานซิส (Jon Voight)พ่อผู้เป็นนายตำรวจระดับสูงที่ยึดมั่นในเกียรติยศศักดิ์ศรีของตำรวจที่ซื่อสัตย์สุจริตมาอย่างยาวนาน  ,ฟรานซิส จูเนียร์(Noah Emmerich) พี่ชายคนโต นายตำรวจผู้มีอนาคตไกล เขากำลังจะก้าวสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นในโอกาสอันใกล้นี้ ,เรย์ (Edward Norton) นายตำรวจที่ถูกมองว่าเป็นลูกไม้ที่หล่นไกลต้น ส่วนคนสุดท้ายคือ จิมมี่ (Colin Farrell) เขยของตระกูลที่มีอาชีพตำรวจเหมือนกัน

เรื่องราวเริ่มในวันที่ เรย์ได้รับคำสั่งให้สืบสวนคดีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและแก๊งคนร้ายยิงกันตายในอพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่ง เมื่อเขากับลูกน้องไปหาหลักฐานเพิ่มเติมในสถานที่เกิดเหตุ และสอบสวนพยานหลายปากในที่สุดก็ได้พบกับหลักฐานอันโยงใยมาถึงพี่ชาย และน้องเขยของเขาเอง อันเนื่องจากการทุจริตประพฤติมิชอบในหน้าที่ ซึ่งถ้าหากถูกเปิดเผยออกไปไม่เพียงคนในครอบครัวของเขาที่ต้องเดือดร้อน แต่จะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงเกียรติยศของกรมตำรวจทั้งกรมเลยทีเดียว...

จุดเด่นที่น่าสนใจของหนังเรื่องนี้อยู่ที่ประเด็นของการคอรัปชั่น, การรีดไถของตำรวจ และการซ่องสุมลูกน้องเพื่อก่ออาชญากรรม ซึ่งดูเหมือนเป็นเรื่องปกติในแวดวงข้าราชการ และมีทุกประเทศ ไม่เว้นประเทศที่เจริญแล้ว นอกจากนั้นภาพยนต์เรื่องนี้มีพล๊อตเรื่องที่โดดเด่นตรงที่หยิบยกเอาความ สัมพันธ์ในครอบครัว มาเชื่อมโยงกับหน้าที่การงาน และอุดมการณ์ประจำใจซึ่งพัวพันกันจนยากจะแยกออกจากกันได้โดยสิ้นเชิง

สิ่งที่ต้องยอมรับสำหรับภาพยนต์เรื่องนี้คือ บทของตัวละครทุกตัวในเรื่องนั้นมีมิติเชิงลึกที่เหมือนกับมนุษย์เราจริงๆ ที่มีตั้งด้านด้านดี ด้านร้าย และมุมที่ถูกซุกซ่อนไว้ อยู่ที่ว่าจะมีคนไปเจอเมื่อไหร่เท่านั้นเอง ยิ่งได้ดาราระดับแนวหน้าทั้ง 4 คนมาแสดง ยิ่งทำให้หนังเรื่องนี้ดูสมจริงชนิดเหมือนกับว่าเราได้นั่งดูคนจริงๆ ในชีวิตจริงๆ รอบตัวเรา

แม้หนังจะจบแบบยึดแนวคอนเซปในเรื่องของการทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว ซึ่งอาจจะมีบางคนแย้งในใจว่าอะไรจะง่ายดายขนาดนั้น เพราะในโลกแห่งความเป็นจริง คนส่วนใหญ่มักเลือกความถูกใจ มากกว่าความถูกต้อง พวกเขาจึงพร้อมปกป้องคนที่ตัวเองรักมากว่าจะเป็นแก่เกียรติยศศักดิ์ศรี หรือแม้แต่ความซื่อสัตย์  แต่การที่หนังจบแบบนี้ก็ทำให้ผู้ชมอย่างฉันยังพอมีความหวังในเพื่อนมนุษย์อยู่บ้าง .. ว่ายังมีตำรวจดีๆ หลงเหลืออยู่ในสังคมปัจจุบัน

--

3 ความคิดเห็น :

  1. ดูมานานจนจำพล็อตไม่ได้แล้ว (เลยได้ระลึกชาติอีกครั้งที่นี่) ปีสองปีที่ผ่านมามีหนังแนวตำรวจออกมาหลายเรื่องเหมือนกันนะครับ ก็อย่างที่คุณว่าแหล่ะ ตำรวจดีๆ ก็ยังมีหลงเหลืออยู่ แต่ตำหนวดน่ะสิ มีเยอะไม่ใช่เล่น ;D

    ตอบลบ
  2. ความตั้งใจตอนนี้คือ ถ้ามีเวลาจะพยายามเขียนถึงหนังที่เคยดูทั้งหมดไว้ในบลอคนี้อ่ะคะ จะได้เก็บไว้เป็นเรคคอร์ด เผื่อเวลาผ่านไปนานๆ แล้วลืม หรือว่าเวลาอยากจะค้นหาหนังที่อยากดูอีกรอบ จะได้ค้นถูก ^^ เลยมีหนังเก่าๆ เยอะมากเลย ด้วยสาเหตุนี้ละคะ (เล่าสู่กันฟังน่ะ)

    ตอบลบ
  3. ใช้บลอกแก้งทดลองทางวิชาการอยู่หรอครับเนี่ย น่าสนใจๆ

    งั้นอีกหน่อยที่นี่คงฮิตติดลมบนแล้วสิงั้น ผมจะได้คุยโอ่ว่าเป็นแฟนขับรุ่นบุกเบิกเฟ้ย อิอิ

    ดีแล้วครับ เขียนมาเยอะๆ อยากอ่านๆ ;)

    ตอบลบ