วันเสาร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2554

The Mirror (1997) : เดี๋ยวก็ถึงบ้านแล้วนะหนูน้อย


The Mirror (1997)
หนังอิหร่าน ( Iran : Ayneh -Original Title)
ความยาว 95 นาที ประเภท : Drama
ผู้กำกับ : Jafar Panahi
เขียนบท : Jafar Panahi
ดาราำนำแสดง : Mina Mohamad Khani,Aida Mohamandkhani และ Kazem Mojdehi
รางวัลที่ได้รับ : ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง 1 รางวัล & ชนะเลิศ 1 รางวัล

--
ฉันได้ Box set หนังเรื่องนี้มาจากกะบะ 3 แผ่น 100 ในร้านขายแผ่นหนังแห่งหนึ่งในห้างใกล้บ้าน ต้องบอกว่าร้านนี้คือสวรรค์ของคนรักการสะสมแผ่นแท้เลยก็ว่าได้ เพราะคุณจะได้หนังดีๆ หนังรางวัล มาครอบครองในราคาถูกมาก และมีกล่องสวยงามอีกต่างหาก เมื่อกลับมาถึงบ้านก็รีบเปิดดูทันทีด้วยใจที่อยากรู้ว่ามันมีเนื้อหาเป็นอย่างไร

หนังตั้งชื่อเรื่องว่า The Mirror ซึ่งคงหมายถึงมุมมองจากล้องที่ตามถ่ายตัวเอก คือเด็กหญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งซึ่งพยายามเดินทางกลับบ้านด้วยตัวเอง  หนังเปิดฉากแรกมาด้วยภาพโรงเรียนประถมแห่งหนึ่งในอิหร่านเวลาเลิกเรียน เด็กหญิงในชุดนักเรียนมีผ้าคลุมวิ่งกรูกันข้ามถนน ทุกคนมีพ่อแม่มารับกลับบ้าน แต่เด็กหญิงมินา ผู้ซึ่งแขนข้างหนึ่งมีเผือกผูกอยู่นั่งรอแม่กลับมาัรับกลับบ้าน รอแล้วรอเล่า แม่ก็ไม่มา วิ่งไปโทรศัพท์ก็แล้ว ไปถามผู้ใหญ่คนโน้นคนนี้ว่า หนูจะทำอย่างไรดีคะ? ผู้ใหญ่เหล่านั้นก็ไม่มีใครสนใจ .. มินาจึงตัดสินใจกลับบ้านด้วยตัวเอง ซึ่งแน่นอนว่า หลงทาง และผู้ใหญ่ทุกคนรอบตัวเธอก็ล้วนแล้วแต่มีปัญหาของตัวเอง จึงไม่มีใครสนใจว่ามีเด็กหญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งกำำลังพลัดหลงจากแม่ และกำลังหลงทาง



มุมกล้องที่ถ่ายตามเด็กหญิงนั้น ตั้งใจจะถ่ายในลักษณะมุมแคบซึ่งมุมมองเดียวกับความสูงของเด็ก ทำให้ผู้ชมอย่างฉันรู้สึกเหมือนกับตัวเองเป็นเด็กตัวเล็กๆในเมืองใหญ่ และเดินทางผจญภัยไปกับมินาด้วย ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ที่มินากำลังพยายามข้ามถนนท่ามกลางรถราที่วิ่งขวักไขว่โดยไม่มีคันไหนหยุดรอให้คนข้าม หรือในรถบัสที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย พวกเขาเหล่านั้นพูดถึงเรื่องของตัวเอง ปัญหาของตัวเอง กันอย่างเซ็งแซ่ ราวกับว่าทุกคนล้วนแต่มีปัญหาใหญ่ด้วยกันทั้งสิ้น

จนถึงป้ายสุดท้ายของการเดินทาง รถเมลล์เข้าอู่ เด็กหญิงรู้ตัวทันทีว่านั่งรถเลยจากป้ายที่จะกลับบ้านแล้ว คนบนรถลงกันหมด เหลือแต่เธอ ... ในช่วงนี้ราวกับฉันกลายเป็นเด็กหญิงตัวเล็กๆ คนนั้น ในช่วงเวลานั้น ทุกอย่างเงียบเชียบ ความรู้สึกที่เกิดขึ้นคือไร้สิ้นความหวังใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน และจะกลับบ้านไปหาแม่ได้อย่างไร ฉันรู้สึกกดดัน หดหู่ เศร้า อินไปกับอารมณ์ที่ว่าแล้วมินาจะหาทางกลับบ้านไปเจอแม่ได้ไหม?

พลันอารมณ์ก็ถูกดึงให้กลับมาสู่โลกปัจจุบันอย่างกระทันหัน จนต้องอุทานว่า "อะไรวะเนี่ย" -_-'' เพราะเด็กหญิงมินา ตะโกนออกมาว่า "หนูไม่แสดงแล้ว หนูจะกลับบ้าน" >.< แต่หนังไม่ได้จบเพียงแค่นี้นะ เพราะ The Show Must Go On ในเมื่อเด็กไม่แสดงงั้นก็ไม่ต้องแสดง ผู้กำกับเลยปล่อยให้เธอหาทางกลับบ้านเองจริงเสียเลย แล้วตามถ่ายไปจนถึงบ้าน =_='' (แนวจริงๆ ผู้กำกับเรา)

--
ที่จริงฉันชะล่าใจไปหน่อย เพราะใครๆ ก็รู้ว่าหนังรางวัลมันต้องเป็นหนังแนวๆ หน่อยใช่ไหม จะปกติเหมือนเรื่องอื่นมันก็ดูธรรมดาและแหวกแนวหนังรางวัลไป หนังเรื่องนี้ก็เช่นกัน เป็นการแสดงที่ไม่มีสคริป ปล่อยให้ตัวละครดำเนินเรื่องไปเองอย่างธรรมชาติ ผู้กำกับ และผู้ชม เป็นเพียงผู้สังเกตการณ์ที่คอยตามดูว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป โดยไม่มีใครคาดเดาเหตุการณ์ล่วงหน้าได้

สำหรับดารานำแสดงอย่างเด็กหญิงมินานั้น ถ้ามีคะแนนในมือ 10 คะแนน ฉันจะยกให้ 20 เลยจริงๆ นะเออ เพราะเล่นได้น่ารักน่าชัง น่ารักน่าสงสาร น่ารักน่าหมั่นใส้ ครบทุกอย่าง เห็นแล้วคิดถึงหลานที่บ้าน 555+(เกี่ยวไรกันเนี่ย)

สรุปแล้วเป็นหนังเรื่องหนึ่งที่ดูแล้วชอบ เพราะว่าตลอดเวลา 95 นาทีนั้น ลุ้นตลอดว่าอะไรจะเกิดขึ้น พล๊อตเรื่องก็ไม่ใช่อย่างหนังอย่างที่เราเคยดูมาก่อนเลย จึงเป็นหนังรูปแบบใหม่ที่ฉันเคยดู ซึ่งก็ดีเหมือนกัน เพราะในช่วงนี้ฉันพยายามเปิดใจดูหนังให้มากขึ้น ทิ้งอคติต่างๆ ที่เคยมีไว้เสียทั้งหมด เพราะรู้ดีว่ามันทำให้ที่ผ่านมา ฉันพลาดอะไรดีๆ ไปเยอะเหมือนกัน ... หวังว่าคุณก็คงเป็นเช่นเดียวกัน แล้วมาแบ่งปันหนังแปลกๆ ใหม่ๆ ที่เราเพิ่งค้นเจอด้วยกันนะคะ :)

--

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น