วันพุธที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

Rust and Bone (2012) : หัวใจ, ความรุนแรง และความรัก


Rust and Bone (2012) หนังฝรั่งเศส+เบลเยี่ยม Original title : De rouille et d'os
ความยาว 120นาที
ประเภท Drama | Romance เรตติ้ง imdb: 7.5
ผู้กำกับ : Jacques Audiard
เนื้อเรื่อง/เขียนบท : Jacques Audiard (screenplay), Thomas Bidegain (screenplay)
ดารานำแสดง : Marion Cotillard, Matthias Schoenaerts, Armand Verdure ---

หนังโรแมนติกดราม่าเรื่องนี้เป็นผลงานสร้างร่วมกันระหว่าง ฝรั่งเศล กับเบลเยี่ยม โดยนำเรื่องสั้นอันเป็นผลงานเขียนของ Craig Davidson ซึ่งตีพิมพ์ในชื่อเดียวกันนำมาสร้างเป็นภาพยนต์ขนาดความยาว 123 นาที หนังได้เข้าชิงรางวัลในเทศกาลเมืองคานน์ ปี 2012 และได้คว้ารางวัลปาล์มทองคำมาครอบครองเป็นผลสำเร็จ รวมถึงเข้าชิงและคว้ารางวัลจากงานประกวดภาพยนต์อื่นๆ อีกหลายรายการ

สำหรับผลงานเด่นๆ ของผู้กำกับคนนี้ที่ฉันประทับใจที่ผ่านมาคือ จากภาพยนต์เรื่อง A Prophet (2009), Read My Lips (2001) ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นหนังที่ยอดเยี่ยมและได้รับการตอบรับจากผู้ชม ซึ่งสามารถพิสูจน์ได้จากเรตติ้งในเวป imdb ซึ่งออกมาสูงลิ่วเลยทีเดียว

Rust and Bone เป็นเรื่องราวของความรักของชายหนุ่มนักมวย พ่อม่าย คนถังแตก กุ๊ย ผู้ซึ่งรวมสถานะภาพข้างต้นมาไว้ในตัว กับสาวพิการอดีตครูฝึกวาฬเพชฌฆาต ในขณะที่ชีวิตของทั้งคู่กำลังแตกร้าว ไร้ความหวัง พลังความรักนี้จะช่วยให้พวกเขาลุกขึ้นก้าวเดินต่อไปได้ แม้ว่ามันจะไม่ง่ายก็ตาม ..


หนังเปิดตัวด้วยภาพของน้ำทะเลที่มีคลื่นซัดสาดอย่างน่ากลัว ผสมผสานไปกับภาพของเด็กน้อยผู้กำลังหลับไหลอย่างมีความสุข ช่างเป็นภาพที่ขัดแย้งกันเสียเหลือเกิน จากนั้นหนังจะได้นำเรื่องเข้าไปรู้จักกับชายหนุ่มพ่อม่ายลูกติดนาม อาลี (Matthias Schoenaerts) ชายผู้ซึ่งชีวิตกำลังอับจนอย่างยิ่ง

อาลีกับลูกชายกำลังเดินทางไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง เขาถังแตกย่ำแย่ขนาดระหว่างการเดินทางลูกชายบ่นร้องหิว เขายังไม่มีแม้เงินจะซื้ออาหาร ได้แต่คุ้ยหาเศษอาหารที่ผู้คนกินเหลือๆ เป็นเครื่องประทังชีวิตไปวันๆ ในความยากลำบากนั้น ทำให้เขาทำได้ทุกอย่างแม้กระทั่งขโมยของจากร้านขายของ ทิ้งให้ลูกชายยืนมองด้วยความงวยงง

เขาได้แต่โบกรถเดินทางไปจนถึงบ้านของน้องสาว แอนนา ซึ่งอาศัยอยู่ทางใต้ของฝรั่งเศส เพื่อมองหางานทำ แต่ตัวของแอนนาเองก็มีปัญหาเรื่องเงินไม่แพ้กัน แต่เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น เขาจำต้องพักอาศัยอยู่ที่บ้านน้องสาว โดยพักอาศัยอยู่กับลูกชายในโรงรถของบ้าน

ในที่สุดอาลีก็ได้งานทำ ในยามค่ำคืนเขาทำงานเป็นคนเฝ้าประตูของไนท์คลับแห่งหนึ่ง แต่ในใจลึกๆ ของเขายังมีความรักในการเป็นนักมวยที่เขาเคยทำมาก่อน  และแสวงหาทางทำอาชีพนี้ต่อไป ในคืนแรกของการทำงานที่ไนท์คลับ เขาได้ระงับเหตุทะเลาะวิวาทที่เกิดขึ้นทำให้ได้รู้จักกับหญิงสาวผู้มีอาชีพครูฝึกวาฬชื่อสเตฟานี (Marion Cotillard) และได้พาเธอไปส่งที่บ้าน ซึ่งเธออาศัยอยู่กับแฟนหนุ่ม การมาของเขาทำให้ทั้งคู่เกิดปากเสียงทะเลาะกันเพิ่มขึ้น

จุดเปลี่ยนของชีวิตทั้งคู่เกิดขึ้น เมื่อวันหนึ่งขณะที่ทำงานปกติ วาฬในฟาร์มโชว์ที่สเตฟานีทำงานเกิดบ้าคลั่งทำให้เกิดอุบัติเหตุรุนแรงขึ้น ส่งผลให้สเตฟานีบาดเจ็บหนักขนาดถึงกับต้องตัดขาทั้งสองขา เหลือเพียงครึ่งเข่าเท่านั้น ซึ่งทำให้เธอต้องนั่งในวีลแชร์ตลอดเวลา

ขณะที่ชีวิตของอาลีดำเนินไปคู่ขนานกับเธอ พวกเขาไม่ได้พบกันอีกหลังจากคืนนั้น เขายังคงใช้ชีวิตทำงานกลางคืนเป็นยามรักษาความปลอดภัย กลางวันก็เป็นนักมวย และยังคงดูแลลูกชายเพียงลำพัง  ชีวิตของเขาดำเนินไปอย่างนี้จนกระทั่งคืนวันหนึ่งมีโทรศัพท์จากหญิงคนหนึ่งเข้ามา เธอคือ สเตฟานีนั่นเอง

สเตฟานีโทรศัพท์ให้อาลีมาพบเธอที่ห้องพัก ทำให้เขาได้พบความจริงที่ว่าสเตฟานีกลายเป็นหญิงสาวพิการไปแล้ว และตอนนี้เธอกำลังหมดหวังกับชีวิต ที่ผ่านมาเธอได้แต่จ่อมจมอยู่เพียงลำพังในห้องพัก หมดอาลัยตายอยากในชีวิต ไม่แม้แต่จะออกจากห้องไปเจอแสงแดดสายลมอะไรทั้งสิ้น

อาลีค้นพบว่าสเตฟานีไม่เหมือนเดิม แต่เขาก็ไม่ได้แสดงว่าเธอเป็นหญิงสาวผู้พิการที่น่าสงสาร กลับปฏิบัติต่อเธอเหมือนคนปกติ แถมยังพาเธอว่ายน้ำอันเป็นสิ่งที่เธอโปรดปราน นั่นทำให้หญิงสาวกลับมาดูมีชีวิตชีวาขึ้น และดูเหมือนว่าสิ่งนี้เองที่เป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์อันลึกซึ้งของทั้งคู่

สเตฟานี กับ อาลี จึงกลายเป็นพลังใจซึ่งกันและในการฝ่าฝันทำในสิ่งที่ตัวเองรัก และในการลุกยืนกลับมามีชีวิตอย่างเข้มแข็งอีกครั้งหลังจากที่พวกเขาต้องพบเจอกับเรื่องราวหนักหนาสาหัสกันมา แม้ว่าเส้นทางเดินข้างหน้ายังคงมีอุปสรรคต่างๆ อีกมากก็ตาม
--
ต้องบอกว่าหนังเรื่องนี้ไม่ใช่หนังที่ดูง่ายนักสำหรับฉัน เพราะฉันต้องใช้เวลาดูให้จบถึง 3 ครั้ง ดูไปก็รู้สึกว่ารันทดหดหู่ไปกับชะตากรรมของตัวละคร ทำไมชีวิตมันบัดซบขนาดนี้ -_-''a  คงต้องโทษที่พวกเขาแสดงกันได้เข้าถึงบทบาทสมจริงเกินไปทำให้ฉันรู้สึกอินได้ขนาดนี้  แต่อย่างไรก็ตาม บทสรุปของหนังเรื่องนี้ก็จบได้อย่าง happy ending ถ้าคุณกังขาว่ามันจะมีจุดจบอย่างไร

และมันคงเป็นบทสรุปที่เป็นเหมือนสัจธรรมว่า ถ้าชีวิตมันแย่ มันเลวร้ายนัก สิ่งที่ต้องทำก็คือ ต้องพยายามลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่างที่มันดี เริ่มต้นทำอะไรสักอย่างที่เราทำได้ แทนที่จะท้อถอย และยอมแพ้ ปล่อยให้ชีวิตฉุดกระชากเราไปทางโน้นทีทางนี้ที ซึ่งจะไม่ได้ช่วยอะไรเราเลย แถมจะยิ่งแย่กว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ ..

Rust and Bone 2012 movies trailer :





1 ความคิดเห็น :

  1. ไม่ระบุชื่อ4 กรกฎาคม 2556 เวลา 00:27

    อ่า...หนังแนวชีวิตรันทดหดหู่ชีช้ำแบบนี้ช่างเข้าทางกระผมจริงๆ ครับ เห็นทีต้องดูซะแล้วล่ะ แล้วจะแวะมาเม้าท์อีกทีนะครับ ^^

    ตอบลบ