วันจันทร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2554

Life Is Beautiful (1997) : ยิ้มไว้...โลกนี้ไม่มีสิ้นหวัง

Life Is Beautiful (1997)
หนังอิตาเลี่ยน (Italy: La vita e bella-Original Title)
เรท PG-13  ความยาว : 116 นาที ประเภท: Comedy |Drama |Romance
ผู้กำกับ : Roberto Benigni
บทประพันธ์/เขียนบท : Vincenzo Cerami,Roberto Benigni
ดารานำแสดง : Roberto Benigni,Nicoletta Braschi และ Giorgio Cantarini
รางวัลที่ได้รับ : ชนะ 3 รางวัลออสการ์,อื่นๆ ได้รับการเสนอเข้าชิง 30 รางวัล ชนะ 52 รางวัล ดูรายละเอียด
---

ฉันได้ชมหนังเรื่องนี้มานานแล้ว และหยิบขึ้นมาดูอีกหลายๆ รอบในทุกๆ รอบก็จะได้พลังใจทุกๆครั้ง จึงคิดว่าควรจะได้เขียนไว้ในบลอคเพื่อที่จะบันทึกเก็บไว้และเพื่อแบ่งปันให้ กับผู้ที่ยังไม่มีโอกาสได้ชม หรือชมนานแล้วและลืมมันไป ยิ่งโดยเฉพาะในช่วงเวลาวิกฤตต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิต จะได้มีกำลังใจที่จะเอาชนะมัน หรืออย่างน้อยก็สามารถอยู่กับมันได้อย่างไม่ต้องทุกข์มากโดยใช้แนวคิดอย่าง ที่ตัวเอกในหนังเรื่องนี้ใช้ คือ "ยิ้มไว้ โลกนี้ไม่สิ้นหวัง"

 

Life Is Beautiful เริ่มต้นเรื่องด้วยประโยคที่ว่า "เรื่องนี้เป็นเรื่องง่ายๆ แต่ไม่ง่ายที่จะเล่า" ซึ่งเป็นอย่างนั้นจริงๆ สำหรับกุยโด (Roberto Benigni) ชายชาวยิวผู้ซึ่งมองทุกสิ่งรอบตัวเป็นเรื่องง่ายๆ ไปหมด แม้ในความยากลำบากเขาก็ัยังสามารถแปรเปลี่ยนมันให้กลายเป็นเรื่องสวยงามได้ เรื่องราวของเขาเกิดขึ้นในอิตาลี ปี 1930ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 จะเกิดขึ้น เขาเดินทางมากับเพื่อนเพื่อมาพบกับลุงซึ่งเป็นพนักงานอยู่ในโรงแรมแห่งหนึ่ง โดยตั้งใจที่จะมาเปิดร้านหนังสือเล็กๆ ขึ้นในเมืองนี้

ในวันแรกที่ เข้าเมืองนี้ เขาได้ตกหลุมรักสาวสวยอย่างโดร่า (Nicoletta Braschi)เข้าเสียแล้ว เธอเป็นหญิงสาวชาวอิตาเลีี่ยนที่มีฐานะดี และมีอาชีพครูอยู่ในโรงเรียนแห่งหนึ่ง เพราะกุยโดเป็นคนที่คิดว่าทุกอย่างเป็นไปได้เสมอ เขาจึงได้สร้างความประทับใจให้กับเธอแม้ว่าจะเป็นการกระทำของเขาจะเป็นการ กระทำออกจะที่บ้าระห่ำไปเสียหน่อยก็ตาม หลังจากที่ผ่านการพิสูจน์มากมาย ทั้งคู่ก็ลงเอยกันจนมีลูกชายน่ารักๆ โจชัวร์ (Giorgio Cantarini) โดยที่ผู้ใหญ่ของฝ่ายโดร่าไม่ยอมรับเพราะพวกเขาต้องการให้เธอแต่งงานกับคน ที่คู่ควรกว่าชาวยิวจนๆ อย่างกุยโด

หลายปีต่อมาหลังจากพวกเขาแต่งงาน ในทุกวัน 3 พ่อแม่ลูกจะปั่นจักรยานไปด้วยกันเพื่อไปที่ร้านหนังสือ และโรงเรียน กุยโดและลูกชายสนิทสนมกันมาก เขาจึงได้ปลูกฝังนิสัยมองโลกในแง่ดีนี้ให้กับลูกชาย ไม่ว่าจะเป็นยามที่ต้องเดินผ่านร้านที่เขียนป้าย "ร้านนี้ห้ามยิว และหมาเข้า" ซึ่งเป็นการภาวะที่คนยิวถูกรังเกียจในยุคนั้น เขาก็สามารถหาวิธีตอบได้อย่างไม่ทำให้ลูกชายรู้สึกไม่ดี

ในวันที่ โจชัวร์อายุครบ 4 ขวบ เป็นวันที่เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 กุยโด,ลุงและลูกชายถูกจัับตัวไปในค่ายกักกันชาวยิวของนาซี แต่กุยโดก็ใช้วิธีมองโลกในแง่ดีด้วยการบอกว่า "ชีวิตที่นี่คือ เกมส์ที่พวกเรากำลังเล่นกันอยู่ ถ้าพวกเราอดทนเล่นเกมส์ไปเรื่อยๆ พวกเราก็จะได้รับแต้ม และเมื่อสะสมแต้มมากๆเข้า ก็จะชนะในที่สุด"

แต่ ชีวิตในค่ายกักกันไม่ได้ดำรงอยู่ง่ายๆ พวกเขาต้องเผชิญความยากลำบากมากมาย ก็มันก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยพลังใจที่เข้มแข็งของกุยโด การเสียสละ และวิธีการมองชีวิตที่สวยงามของเขา ที่ส่งต่อให้กับผู้คนรอบข้างเขา โดยเฉพาะโจชัวร์ลูกชายในวัยเยาว์..

ในตอนท้ายเราจึงได้รู้ว่าเรื่อง ราวต่างๆ เหล่านี้เล่าโดยผ่านปากของ โจชัวร์ในวัยผู้ใหญ่ และเขาปิดท้ายเรื่องราวต่างๆของเขาว่า "นี่คือ เรื่องราวของผม นี่คือ การเสียสละที่พ่อผมทำ และเป็นของขวัญที่เขามอบให้ผม"

--
หนัง เืรื่องนี้นำแสดงโดยผู้กำกับเอง และภรรยาในเรื่องก็เป็นภรรยาในชีวิตจริงของเขาด้วย ต้องยอมรับว่าเป็นหนังทำให้ผู้ชมอย่างฉันหัวเราะและร้องไห้ไปพร้อมๆ กันได้ ด้วยความซาบซึ้งใจในสิ่งที่ตัวเอกกระทำ เขาเป็นคนที่มองโลกในแง่ีดีซึ่งเป็นจำเป็นอย่างมากต่อการดำรงชีวิตอยู่ใน ภาวะที่ยากลำบาก แม้หลายคนจะมองว่าจะเป็นการพูดโกหก แต่สำหรับฉันมองว่า ขึ้นอยู่กับเจตนามากกว่าว่าพูดไปเพื่ออะไร บางครั้งการรับรู้ข้อมูลจริงที่มากเกินไปก็ทำลายขวัญกำลังใจได้เหมือนกัน

แม้ ในยามสถานการณ์ปัจจุบันก็ตาม บางครั้งเรารับเสพสื่อข้อมูลมากเกินไป จนทำให้สิ้นหวัง พอไร้สิ้นความหวังกำลังใจแล้ว โอกาสที่จะมีสติปัญญาคิดแก้ไขปัญหาก็ลดลง หรือไม่มีโอกาสเลย แต่ถ้าหากมีขวัญกำลังใจที่ดีแล้ว ก็จะคิดหาหนทางได้เอง เพราะฉันเชื่อว่าทุกปัญหามีทางออกเสมอ ดังนั้นเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตขอให้ยิ้ม และค่อยๆ คิดหาทางแก้ปัญหาไปนะคะ เชื่อว่าทุกคนจะผ่านพ้นมันไปได้ด้วยดีค่ะ :) ---

Life Is Beautiful 1997 : Movie Trailer

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น