วันอังคารที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2554

Trust (2010) : รักออนไลน์ แม้มองไม่เห็น สัมผัสไม่ได้ แต่อันตรายจริงๆ


Trust (2010)
เรท : R ความยาว : 106 นาที ประเภท : Drama | Thriller
ผู้กำกับ : David Schwimmer
บทประพันธ์/เขียนบท : Andy Bellin, Robert Festinger
ดารานำแสดง : Clive Owen, Catherine Keener และ Liana Liberato
รางวัลที่ได้รับ : ชนะเลิศรางวัลประเภท Silver Hugo/Best Actress ในการประกวด Chicaco International Film Festival 2010
-

ยุคสมัยเปลี่ยนไป โลกเปลี่ยนแปลง อินเตอร์เน็ตมีใช้กันได้ง่ายๆ เกือบทุกบ้าน โปรแกรมแชตต่างๆ ทันสมัยมากขึ้น  แต่ขณะเดียวกันกลับมีมิจฉาชีพก็เพิ่มมากขึ้นด้วย จริงอยู่ว่าผู้ใหญ่ที่มีวุฒิภาวะอาจจะมองออก แต่ก็อย่างที่เรารู้กันดีว่า ส่วนใหญ่ก็ผู้ใหญ่นั่นล่ะที่ส่งเสริมให้เด็กๆ ใช้อินเตอร์เน็ตอาจเพราะคิดว่าดีกว่าออกไปเที่ยวเตร่นอกบ้าน หารู้ไม่ว่า สมัยนี้ให้ปิดล๊อคบ้านให้แน่นหนาดีอย่างไร ภัยอันตรายกลับเข้ามาใกลุ้บุตรหลานง่ายกว่าที่คิด ดังเช่นภาพยนต์เรื่องนี้


--
Trust เป็นเรื่องราวของครอบครัวของวิลล์ (Clive Owen) และลีน (Catherine Keener) พวกเขาเป็นครอบครัวที่อบอุ่น มีหน้าที่การงานดี และมีลูกชายหญิงมาเต็มเติมก็ยิ่งทำให้ครอบครัวสมบูรณ์ยิ่งขึ้นไปอีก บรรดาลูกๆ 3 คนของทั้งคู่ ประกอบด้วย ปีเตอร์ ซึ่งเป็นเด็กชายวัยรุ่นเรียนดี เขาสอบเข้ามหาวิทยาลัยดีๆ ได้ ในขณะที่แอนนี่ (Liana Liberato) ลูกสาวคนกลางวัย 14 ก็สุขภาพแข็งแรง เรียนเก่ง แถมยังเป็นนักกีฬาวอลเล่ย์บอลของโรงเรียนอีกด้วย ส่วนคนสุดท้ายคือ แคธี่ก็เป็นเด็กที่สดใสร่าเริงน่ารัก

วันเกิดของแอนนี่ วิลล์ผู้พ่อมีของขวัญพิเศษชิ้นใหญ่ให้นั่นคือ คอมพิวเตอร์โน๊ตบุครุ่นใหม่ ตามประสาของคนที่รักลูกก็อยากให้ลูกได้สิ่งที่ดีที่สุด ถูกใจที่สุด หารู้ไม่ว่า มันกลับเป็นสิ่งที่ทำให้แอนนี่ห่างไกลจากครอบครัวลงไปทุกทีๆ มีหลายๆฉากที่แอนนี่ใช้โทรศัพท์แชตแม้กระทั่งอยู่กลับครอบครัว

ฉันดูแล้วนึกถึงภาพในสังคมปัจจุับันนี้ที่เราสามารถมองเห็น "แอนนี่" ได้ทั่วไปและบ่อยครั้งที่เราจะเห็นเห็นภาพของกลุ่มเพื่อนๆ นัดกันมาพบปะสังสรรค์กันแต่ว่า หลายๆคนกลับก้มหน้าก้มตาจิ้มเจ้าโทรศัพท์ในมือกันอย่างเอาเป็นเอาตาย จนอดคิดไม่ได้ว่าเรากำลังใช้อินเตอร์เน็ต หรือว่าอินเตอร์เน็ตกำลังใช้เรากันแน่?

และแล้วแอนนี่ก็ได้พบกับชายหนุ่มในฝันในโลกออนไลน์เช่นกันเขาชื่อชาร์ลี (Chris Henry Coffey) มองดูจากรูปที่เขาส่งมา เป็นชายวัยรุ่นหน้าตาดี แอนนี่และชาร์ลีคุยกันผ่านทางหน้าจอ ประกอบกับช่วงนั้นแอนนี่มีปัญหาเรื่องการเข้าสังคมกับสาวๆ ที่โรงเีรียน และไม่สามารถปรึกษาพ่อแม่ได้ เนื่องจากทั้งคู่งานยุ่ง จึงทำให้ดูเหมือนว่าคนที่เข้าใจเธอมีเพียงชาร์ลีเท่านั้น หลังจากที่ได้คุยกันผ่านมาระยะหนึ่งทั้งคู่จึงนัดพบกัน

เมื่อได้พบตัวจริงซึ่งกันและกัน ปรากฏว่าชาร์ลีที่เคยบอกว่าอายุ 25 กลับกลายเป็นหนุ่มใหญ่วัยกลางคนดูแล้วน่าจะราวๆ 35 up ทำให้แอนนี่รู้สึกผิดหวัง ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาเพราะปกติแล้วเวลาคนเราเริ่มความสัมพันธ์ทางอินเตอร์เน็ต ส่วนใหญ่เรามักตกหลุมรักคนในจินตนาการของตัวเอง มากกว่าตัวจริงๆ ของคนที่เราคุยด้วย จึงไม่แปลกที่คนส่วนใหญ่เมื่อออกมาคบกันจริงๆ จึงไปกันไม่ค่อยรอด แต่กรณีนี้ไม่พูดถึงแอนนี่ เพราะเธอยังเยาว์ อ่อนต่อโลก เมื่อเจอกับชายหนุ่มผู้เชี่ยวชาญกร้านโลกระดับนี้ จึงหลงคารม และพลาดท่าเสียทีได้ง่ายๆ ..

ในตอนท้ายๆ ปรากฏว่าชายในฝัน กลายเป็นชายในฝันร้าย เพราะชาร์ลีกลายเป็นมิจฉาชีพที่หลอกลวงเด็กสาว และแอบถ่ายรูปไว้ด้วย เมื่อวิลล์รู้ แน่นอนว่าเขาก็ต้องคิดที่จะแก้แค้น แต่จะทำได้หรือไม่นั้นไม่ใช่ประเด็นที่ฉันจะอยากพูดถึง เพราะถึงแม้จะจับชายอย่างชาร์ลีได้ ก็ใช่ว่าอันตรายจากมิจฉาชีพทางอินเตอร์เน็ตจะหมดไป

แต่สิ่งที่ควรคำนึงถึงมากกว่าคือ การป้องกันอย่างไรที่หนังเพียรเฝ้าแสดงนัยยะให้เราได้เห็นบ่อยๆ อาิทิฉากที่ วิลล์และลีนกำลังเตรียมตัวเข้านอน ลีนกำชับให้วิลล์ตรวจเช็คระบบป้องกันความปลอดภัยของบ้านดี อันจะสื่อให้เราเห็นว่า พวกเขาระมัดระวังแค่ไหนในการป้องกันภัยที่จะมาถึงตัวคนที่เขารัก .. แต่กลับกลายเป็นเขาเองที่เป็นฝ่าย ซื้ออุปกรณ์ที่สามารถสร้างภัยอันตรายมาสู่ลูกสาวได้ นั่นคือ อินเตอร์เน็ต ภัยร้ายใกล้ตัวกว่าที่คิด


--
ฉันดูหนังเรื่องนี้ด้วยความรู้สึกเหนื่อย นี่ขนาดไม่ได้มีลูกมีครอบครัวนะเนี่ย ยังอดเหนื่อยใจแทนตัวละครไม่ได้เลย (สงสัยอินเกินไป ฮ่าฮ่า) ใครจะรู้ว่าระยะที่พอดีของความห่วงใยลูกหลานคือตรงจุดไหน ก็ในเมื่อห่วงใยมากเกินไป ก็ทำให้เด็กๆ ไม่มั่นใจตัวเอง พาลรู้สึกว่าตัวเองด้อยค่า แต่ครั้นจะห่วงใยน้อยเกินไป ปล่อยให้เขาคิดเองหรือแบ่งเวลามาทำงานหาเงินเลี้ยงพวกเขาเหล่านั้นบ้าง ก็ถูกมองว่า ไม่มีเวลาให้ พอ่แม่ไม่เข้าใจฉัน ต้องออกไปหาคนเข้าใจนอกบ้านซะอีก -*-

ดูหนังจบได้ข้อคิดที่สำคัญคือ ..การอยู่เป็นโสดมันก็ดีอย่างนี้นี่เอง ฮ่า ฮ่า (ถึงแม้ไม่เกี่ยวกับเรื่องราวในหนังแต่ก็เอามาเอี่ยวด้วยได้. ซะงั้น)




♥ ♥ ♥ ♥

2 ความคิดเห็น :

  1. ยังไม่ได้ดูครับเรื่องนี้ แต่เห็นคุณดูไปเหนื่อยใจไปแบบนี้ คงต้องดองเอาไว้ต่อไปอีกสักพักล่ะ อิอิ
    คนบางคนก็เหมาะกับการเป็นโสด บางคนก็ไม่ แต่ผมคิดว่าคุณคงเป็นอย่างหลังดีกว่านะครับ ขอหนุนใจ :)

    ตอบลบ
  2. :) แหม จิงๆ หนังก็สนุกนะคะ เพียงแต่เรามันดันรู้มากเกินไป เลยขัดใจน่ะคะ แล้วก็รู้สึกอึดอัดแทนพ่อแม่ ที่ต้องเลี้ยงดูลุกๆ วัยรุ่นอ่าา >.<'' ถ้าคุณมีเวลาก็ดูเถอะค่ะ ก็ใช้ได้เลยล่ะ

    สำหรับเรื่องโสด ของยืนยันค่ะว่าเกิดมาเพื่อการนี้ ^_^V

    ตอบลบ