วันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2554

Taste of Cherry (1997) : รสชาติเชอร์รี่ รสชาติชีวิต


Taste of Cherry (1997)
หนังอิหร่าน (Iran-Ta'm e guilass-original title)
ความยาว :95 นาที ประเภท: Drama
ผู้กำกับ : Abbas Kiarostami
เนื้อเรื่อง/เขีียนบท : Abbas Kiarostami
ดารานำแสดง : Homayoun Ershadi, Abdolrahman Bagheri และ Afshin Khorshid Bakhtiari
รางวัลที่ได้รับ :ได้รับการเสนอเข้าชิง 2 รางวัล & ชนะเลิศ 3 รางวัล ดูรายละเอียด

--
Taste of Cherry เป็นภาพยนต์ที่สร้างในปี 1997 โดยผู้กำกับชาวอิหร่าน Abbas Kiarostami เป็นภาพยนต์ที่ถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับชายคนหนึ่งที่ขับรถผ่านชานเมืองเตหะราน เขากำลังหามองหาคนที่สามารถจะจัดการงานศพให้ หลังจากที่เขาเสียชีวิตลง หนังเรื่องนี้แม้ใช้การดำเนินเรื่องอย่างเรียบง่าย แต่ก็ใช้เทคนิคการถ่ายทำที่น่าสนใจ นั่นคือ มีการใช้ Long takes เป็นช่วงๆ ตลอดทั้งเรื่อง และเป็นมุมมองที่ถ่ายออกไปจากรถ ที่ตัวละครมีการสนทนาการระหว่างคนในรถและภายนอก โดยผู้กำกับนั่งอยู่ในรถนั้นด้วย


เรื่องราวในภาพยนต์เริ่มต้นขึ้นเมื่อ Mr Badii (Homayon Ershadi) ชายที่ดูบุคลิกท่าทางมีความรู้ มีฐานะดี ขับรถผ่านชานเมืองเตหะราน เพื่อมองหาใครสักคนที่จะทำงานให้เขา โดยเขามีค่าจ้างเป็นเงินก้อนใหญ่ตอบแทน  การแสวงหาคนๆนั้นของเขาใช้วิธีขับรถไปเรื่อยๆ พลางสอดส่ายสายตามองหาคนที่มีบุคลิกท่าทางดี แนวคิดใช้ได้ ตลอดสองข้างทาง เมื่อเจอก็จะแวะทักทายพูดคุย ราวกับว่าเป็นการสัมภาษณ์รับเข้าทำงานอย่างนั้นแหล่ะ

ชายคนแรกที่เขาได้พบเจอริมถนนเป็นชายเก็บของเก่าขาย เขาทักทาย แล้วถามเรื่องส่วนตัว การเงิน เป้าหมายชีวิต และเกริ่นว่ามีงานให้ทำ และมีค่าตอบแทนเป็นเงินก้อนใหญ่ แต่ยังไม่ทันบอกว่าจะให้ทำอะไร ชายเก็บขยะก็รีบชิ่งหนีไปเสียก่อน พร้อมบอกว่า ต้องไปเก็บของเก่าแล้ว แม้จะงงๆ แต่ Mr.Badii ก็ตัดใจขับรถต่อไปเพื่อให้ผู้มุ่งหวังรายต่อไป

เขาขับรถไปเรื่อยๆ จนได้พบกับชายอีก 3 คนโดย เขารับขึ้นรถมาทีละคน ดังนี้ คนแรกเป็นทหารหนุ่มขี้อาย ท่าทางตื่นตะหนก (Afshin Khorshid Bakhtiari) , คนที่สองเป็นนักเรียนสอนศาสนาในอัฟกานิสถาน (Mir Hossein Noori) ที่มีแนวคิดคัดค้านการฆ่าตัวตายเพราะผิดหลักศาสนา ส่วนคนที่สามเป็นชายชรา (Abdolrahman Bagheri) ผู้มีอาชีพสต๊าฟนกคุ่ม (Taxidermist)

Mr.Badii ได้ชักชวนพวกเขาขึ้นรถไปนั่งรถเล่น ขณะขับไประหว่างทางเขาก็ใช้วิธีพูดคุยซักถามเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของคนเหล่านั้น ก่อนจะเสนอ "งาน" ที่มีค่าตอบแทนสูงให้ โดยที่ยังไม่ได้บอกว่าทำอะไร จากนั้นเขาจะพาไปยังสถานที่ๆ หนึ่ง เป็นสถานที่ที่เขาเลือกแล้วว่าจะใช้ชีวิตหลังความตายที่นี่ ใช่แล้วเขาตัดสินใจที่ฆ่าตัวตายนั่นเอง และเมื่อถึงสถานที่นั้น เขาจึงจะบอกว่า"งาน" ที่เขาว่าจ้างคือ การให้มาที่นี่อีกทีในวันพรุ่งนี้เช้าเวลา 6.00 น เพื่อมาดูว่า Mr.Badii ที่นอนอยู่ในหลุมเสียชีวิตหรือยัง ถ้าเรียกแล้วไม่ตื่น ให้ฝังเขาให้ด้วย ..

ต้องบอกว่าหนังเรื่องนี้พล๊อตเรื่องน่าสนใจมาก แต่ที่น่าสนใจกว่าคือ การดำเนินเรื่อง เพราะสิ่งที่ผู้กำกับต้องการสื่อสารคือ ระหว่างทางที่ Mr.Badii ขับรถพาผู้มุ่งหวังแต่ละคนไปดูสถานที่ พวกเขามีบทสนทนาที่น่าสนใจเกี่ยวกับประเด็นของชีวิต , ความตาย ฉันว่าตรงนี้ต่างหากที่ทำให้หนังเรื่องนี้โดดเด่น เพราะเราจะได้เห็นทัศนะเกี่ยวกับชีวิต และความตาย ที่หลากหลายแตกต่างกันไป ซึ่งอาจจะมีสักบทสนทนาที่โดนใจเรา และสามารถเป็นพลังใจให้ผู้ชมที่กำลังท้อแท้หดหู่สามารถลุกขึ้นยืนใหม่ได้ ด้วยการเห็นคุณค่าของชีิวิต

โดยเฉพาะประโยคที่ชายชราพูดกับ Mr.Badii ในรถระหว่างเดินทาง ซึ่งเป็นประโยคที่จะอธิบายถึงชื่อที่มาของหนังเรื่องนี้ด้วย
"If you look at the four seasons, each season brings fruit. In summer, there's fruit, in autumn, too. Winter brings different fruit and spring, too. No mother can fill her fridge with such a variety of fruit for her children. No mother can do as much for her children as God does for His creatures. You want to refuse all that? You want to give it all up? You want to give up the taste of cherries?"

สำหรับคุณที่อยากลองชมหนังเรื่องนี้ สามารถหาดูได้จาก Youtube นะคะ มีซับภาษาอังกฤษให้พร้อมเลย เป็นหนังที่นิ่งๆ เรื่อยๆ แต่ว่าเต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพและสาระเชียวค่ะ เป็นหนังสไตล์ที่เขาเรียกว่า "น้อย แต่มาก หรือ minimalist " นั่นเอง


♥ ♥ ♥ ♥ ♥

--
Taste Of Cherry Movie Poster

2 ความคิดเห็น :

  1. ว้าว! ชอบประโยคในหนังที่คุณยกมาจริงๆ ชักสนใจขึ้นมาแล้วสิเนี่ย ถึงแม้โปสเตอร์หนังแกจะทำหน้าตายไม่หือไม่อือไปหน่อยก็เหอะ ^^

    ตอบลบ
  2. บทสนทนาในหนังเป็นปรัชญาชีวิตเชียวละคะ หลายๆบทสนทนาดีมากๆเลย แต่ไม่อาจยกมาเขียนได้หมด ถ้ามีเวลาลองชมดูนะคะ ^^

    ตอบลบ