วันพฤหัสบดีที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2554

Midnight in Paris (2011) : เที่ยงคืนอัศจรรย์เกินฝันในปารีส


Midnight in Paris (2011)
เรท : PG_13 ความยาว : 94 นาที ประเภท : Comedy | Fantasy | Romance
ผู้กำกับ : Woody Allen
เนื้อเรื่อง / เขียนบท : Woody Allen
ดารานำแสดง : Owen Wilson, Rachel McAdams , Kathy Bates,Carla Bruni,Marion Cotillard,Adrien Brody และ Gad Elmaleh
--

ฉันได้ชมภาพยนต์เรื่องนี้ด้วยความอนุเคราะห์ของเพื่อนร่วมบลอค คุณ Nanatakara ที่เห็นว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังดี และฉันเองก็อยากชมแต่หายากมาก รู้สึกว่าไม่เข้าฉายในประเทศไทยด้วย ทำให้เมื่อได้รับแผ่นมาปุ๊ปฉันก็รีบเปิดดูทันที

ก่อนจะพูดถึงหนัง เรื่องนี้ ฉันอยากยกประโยคเด็ดของกวีหญิง เกอร์ทรูด ไสตน์ ที่กล่าวประโยคหนึ่งออกมาว่า "when you get there, there is no "there" there" ซึ่งฉันว่ามันอธิบายถึงภาพยนต์เรื่องนี้ได้ดี ยุคทองที่รุ่งเรืองที่เราอยากไปสัมผัสนั้น เมื่อไปถึงที่นั่นจริงๆแล้ว เราก็จะรู้ว่า ยุคทองที่ว่ามันไม่ได้อยู่ที่นั่นหรอก เพราะสำหรับคนที่นั่นยุคทองของที่เขาคิด มันไม่ใช่ยุคของพวกเขา มันยังมีอีก เป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ตามแต่ความพอใจที่ไม่มีขีดจำกัดของคนเรา ... และนี่เป็นสิ่งหนึ่งที่หนังเรื่องนี้พูดถึง

--
Midnight In Paris เป็นเรื่องราวของ Gil (Owen Wilson) ชายหนุ่มผู้มีอาชีพเป็นผู้เีขียนบทภาพยนต์ฮอลลีวูดที่ประสบความสำเร็จ แต่ตอนนี้เขากลับมีเป้าหมายใหม่ที่จะเขียนนวนิยายสักเล่ม แต่ว่ากลับไร้ซึ่งแรงบันดาลใจที่เขียนมันออกมา เขาจึงเดินทางมาพักผ่อนที่ปารีสพร้อมกับ Inez (Rachel McAdams) แฟนสาวและครอบครัวของเธอซึ่งเป็นนักธุรกิจใหญ่มีฐานะดี

ความสัมพันธ์ ของ Gil และ Inezดูจะไม่ค่อยหวานชื่นนัก โดยเราจะเห็นความอึดอัดใจทางสีหน้าและท่าทางของเขาตลอดเวลาที่อยู่ในกลุ่ม ของเพื่อนๆ และครอบครัวของเธอ หรือแม้แต่ขณะที่คู่อยู่ร่วมกันสองต่อสองก็ยังมีเรื่องถกเถียงกันอยู่เล็กๆ น้อยตลอดเวลา

Gil นั้นหลงใหลมนต์เสน่ห์ของเมืองแห่งนี้ มันเต็มไปด้วยของร่องรอยอดีตอันรุ่งเรืองอุดมไปด้วยนักปราชญ์ นักคิด-นักเขียนตกค้างอยู่ เขาหวังว่าบรรยากาศเช่นนี้จะสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้เขาสามารถเขียนงานที่ ตั้งใจไว้ได้ ซึ่งตรงข้ามกับแฟนสาวที่ไม่ได้รู้สึกประทับใจอะไรเ็ป็นพิเศษ

ใน คืนหนึ่งขณะที่เผลอไผลเดินหลงไปบริเวณถนนแห่งหนึ่งในเวลาเที่ยงคืนเป๊ะ เขาได้พบรถเปอร์โยต์รุ่นเก่าสีเหลืองคันหนึ่ง คนในรถเรียกเขาให้ไปร่วมงานปาร์ตี้ด้วยกัน เมื่อไปถึงสถานที่จัดงานเขาก็ตะหนักว่า ตัวเองพลัดหลงในเข้ามายุคทอง ปี 1920 เข้าเสียแล้ว ที่นี่เป็นแหล่งบันดาลใจที่ดีเยี่ยมให้กับเขาในการทำงานเขียน

ณ ที่นี่เขามีโอกาสได้พบกับบรรดานักเขียน และศิลปินเอกทั้งหลายในยุคนั้น อาทิ เอฟ สก็อตต์ ฟิตซ์เจอรัลด์, เฮมิงเวย์, เกอร์ทรูด สไตน์, ปิกัสโซ่, ดาลี, หลุยส์ บุนเยล, ที.เอส.เอลเลียต ฯลฯ และได้รู้จักกับสาวสวยผู้มีประวัติพัวพันกับคนดังหลายคน อย่าง Adriana (Marion Cotillard) แต่เขาจะมีเวลาผ่านเข้ามาในยุคสมัยนี้ได้เฉพาะหลังเที่ยงคืนเท่านั้น ...

--

ปกติ ฉันไม่ค่อยสนใจที่จะรู้จักผลงานของนักเขียน ศิลปินใดๆในอดีตทั้งสิ้น แต่ก็สามารถสัมผัสได้ว่า ถ้าหากเรามีไอดอลประจำใจสักคน แล้ววันหนึ่งได้มีโอกาสเจอตัวเป็นๆ ก็คงรู้สึกประทับใจปลาบปลื้มใจ เพียงแต่มีวูบหนึ่งที่ฉันตั้งคำถามกับตัวเองว่า เราอยากรู้จักตัวตนของไอดอลของเราจริงๆ ละหรือ? ซึ่งการได้พบนั้นมีโอกาสเกิดสิ่งที่เป็นไปได้ 2 อย่าง คือ ได้รู้จักแล้วยิ่งศรัทธา หรือว่า รู้ัจักแล้วหมดศรัทธา .. เราจะยังเลือกพบเจออยู่อีกไหม?

กลับมาที่ความเห็นส่วนตัวของฉันที่ มีต่อหนังเรื่องนี้ นอกจากวิวของเมืองปารีสที่แสนโรแมนติก สวยงาม และคลาสสิคยามค่ำคืนแล้ว พล๊อตเรื่องก็น่าดึงดูดใจ แต่ฉันว่ายังมีจุดอับสำคัญอยู่สิ่งหนึ่งที่ค้างคาใจ คือประเด็นเกี่ยวกับความรักในหนังเรื่องนี้ โดยเฉพาะพระเอกนางเอก

ฉัน ไม่รู้ว่าทั้งคู่เริ่มต้นคบกันได้อย่างไร แต่สังเกตจากต้นเรื่องก็พอรู้ได้ว่าพวกเขารักกันมาก แต่พอมาอยู่ในเมืองนี้กลายเป็นว่า คล้ายจะเข้ากันไม่ได้ รสนิยมก็ต่างกัน ไม่สามารถแบ่งปันความสนใจร่วมกันได้เลย นอกจากนั้นเมื่อตัวพระเอกหลงเข้าไปในยุค 1920 ก็ดันไปหลงรักสาวอื่นง่ายๆ ซะงั้น  -*- หรือว่าการที่เขียนบทให้นางเอกดูเป็นคนงี่เง่า เข้าใจยาก และไร้รสนิยมในการเข้าใจงานศิลปะ จะเป็นแค่เหตุผลที่ทำให้การมีกิ๊กของพระเอกดูดีขึ้น??

แต่อย่างไรก็ ตามหนังเรื่องนี้ได้สร้างแรงบันดาลใจอยากรู้จักประวัติของศิลปินในอดีตขึ้น มา จากที่ไม่เคยสนใจเลย จนต้องมานั่งค้นว่าแต่ละคนมีผลงาน และแนวคิดเป็นอย่างไร ทำให้ได้ความรู้เพิ่มอีกเยอะเลย ต้องขอขอบคุณผู้เอื้อเฟื้อให้มีโอกาสดูหนังเรื่องนี้ไว้ในที่นี่นะคะ :)




♥♥♥♥♥♥♥
 Midnight In Paris Movie Trailer


 

2 ความคิดเห็น :

  1. มานึกอีกทีก็จริงอย่างที่คุณว่าสำหรับประเด็นเรื่องความรักของพระเอก ซึ่งเข้าใจว่าหนังเขียนบทโดยมุมมองของผู้ชาย (ป๋าวู้ดดี้) เลยอาจจะปุบปับวูบวาบไปบ้างตามประสาผู้ชายขี้หลี อิอิ
    ดีใจที่อย่างน้อยคุณก็ยังประทับใจกับประเด็นอื่นๆ ได้อยู่ ผมรักที่จะอ่านความคิดเห็นของคุณในหนังแต่ละเรื่อง เพราะจะได้เห็นแง่มุมที่แตกต่างแจ่มๆ เสมอ แบบนี้ต้องแบ่งหนังกันดูบ่อยๆ ซะแล้ว อิอิ

    ตอบลบ
  2. :) ขอบคุณที่ระลึกถึงและแบ่งปันสิ่งดีๆ มาให้เสมอเช่นกันค่ะ
    คุณเองก็เป็นคนที่เลือกหนังได้ยอดเยี่ยมมากๆ เลย ตอนนี้กำลังตามเก็บหนังแต่ละเรื่องที่ยังไม่ได้ดูจากบลอคของคุณเหมือนกันค่ะ :D

    ตอบลบ