วันพฤหัสบดีที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

Silver Linings Playbook (2012) : ความรักธรรมดาของคนไม่ธรรมดา


Silver Linings Playbook (2012)
ความยาว 122 นาที -ประเภท Comedy | Drama | Romance -เรตติ้ง imdb: 8.0
ผู้กำกับ : David O. Russell
เนื้อเรื่อง/เขียนบท : David O. Russell (screenplay), Matthew Quick (novel)
ดารานำแสดง : Bradley Cooper, Jennifer Lawrence, Robert De Niro --

ฉันเพิ่งดูหนังเรื่องนี้จบหมาดๆ และด้วยความที่ประทับใจมาก ซึ่งมันมีพลังทำลายความขี้เกียจที่ฉันมีได้อย่างดี เพราะว่าช่วงนี้ฉันดูหนังเยอะเหมือนเดิมทุกประการ แต่ว่าขี้เกียจเขียนมาก เลยทำให้หนังที่ดูแล้ว รอกลับมาเขียนลิสต์ยาวเป็นหางว่าว -__-

หนังเรื่องนี้เป็นหนังรัก โรแมนติก ที่อยู่บนพื้นฐานเรื่องราวชีวิตของตัวละครที่อยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก แต่ด้วยพลังแห่งรัก ซึ่งมีทั้งความรักระหว่างหนุ่มสาว ความรักของครอบครัว และเพื่อนๆ ช่วยแก้ไขเยียวยาให้อุปสรรคต่างๆ นาๆ ในชีวิตที่หนักหนาสาหัสนั้นกลับกลายเป็นดีได้ในที่สุด

หนังเล่าถึงตัวละครหลักคือ พระเอกของเรื่อง แพทริก (Bradley Cooper) ชายหนุ่มที่มีอาการไบโพลาร์ หรืออาการอารมณ์สองขั้ว เรียกง่ายๆ คือ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายนั่นเอง หนังเปิดฉากด้วยภาพของการเข้ารับการบำบัดของเขา ซึ่งเมื่ออาการดีขึ้น ศาลอนุญาตให้กลับบ้านได้ โดยมีข้อแม้หลายอย่างที่เขายังต้องคอยระมัดระวังอยู่

เมื่อกลับมาถึงบ้านอันมี พ่อ (Robert De Niro) ที่มีงานหลักคือ พนันบอล และแม่ ซึ่งเป็นหญิงที่มีลักษณะอ่อนโยน และดูเหมือนว่าความอ่อนโยนของเธอนี่เองที่เป็นกาวเชื่อมความสัมพันธ์ของชายหนุ่มสองวัยให้อยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข(บ้าง)

แพทริก นอกจากมีอการคุ้มดีคุ้มร้ายแล้ว เขายังเป็นโรครักภรรยา ซึ่งบัดนี้ก็ได้แยกย้ายไปอยู่ที่อื่น นอกนั้นศาลยังมีคำสั่งไม่ให้เขาเข้าใกล้เธออีกด้วย แต่ดูเหมือนว่าแพทริกจะไม่ได้สนใจเรื่องนี้ เพราะเขายังคงคร่ำรวญถึงเธอ อยากจะกลับมาร่วมชีวิตกันอีกครั้ง (โดยไม่ได้ถามว่าฝ่ายหญิงจะตกลงด้วยไหม)



วันหนึ่งแพทริกไปทานอาหารค่ำบ้านเพื่อน ค่ำนั้นเป็นค่ำคืนที่มีเหตุการณ์ที่ทำให้เขาได้มีโอกาสพบกับหญิงสาวสวยแปลกนาม ทิฟฟานี่ (Jennifer Lawrence) เด็กสาวที่แต่งงานเร็ว และกลายเป็นม่ายก่อนวัยควร บางทีสิ่งนี้ส่งผลให้เธอเป็นคนมีปมในใจจนมีอาการเสพติดเซ็กซ์ จนต้องได้รับการบำบัด

อาจจะเพราะว่าทั้งคู่มีอะไรที่คล้ายๆ กัน จึงทำให้ต้องชะตากันตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบหน้า แม้ว่าจะเป็นฝ่ายทิฟฟานี่เสียอีกที่เป็นฝ่ายรุก แต่คู่กันแล้วก็ไม่แคล้วกัน ในที่สุดความรักก็เกิดขึ้นได้ในที่สุด บนจุดเริ่มต้นของความต้องการช่วยเหลือบำบัดจากโรคที่เป็นอยู่

หนังเล่าถึงพัฒนาการของความสัมพันธ์ของทั้งคู่ได้อย่างน่ารักน่าชัง แบรดลี่ย์เองฝีมือการแสดงเป็นที่ยอมรับได้อยู่แล้ว ยิ่งมารับบทชายหนุ่มที่มีท่าทางไม่น่าไว้ใจ ไม่หล่อ แต่ยิ่งดูไปๆ เราจะได้เห็นแง่มุมที่น่ารักๆ ของเขา จนทำให้อินไปกับตัวละครได้ไม่ยาก

ส่วนฝ่ายหญิงนั้น ต้องสารภาพว่าฉันดูผลงานของเธอในเรื่องแรกๆ แล้วไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่จากบทสาวแกร่งใน winter bone พอมาดูเรื่องที่สอง hunger game ก็ยังเฉยๆ มาเรื่องที่สาม house at the end of street เริ่มหลงรักเธอ และเมื่อดูหนังเรื่องนี้จบ ฉันขอยกให้เธอเป็นขวัญใจเลย นอกจากฝีมือดีแล้วยังสวยอีกด้วย เรียกได้คุณสมบัติครบเครื่องเลยทีเดียว คาดว่าคงมีอนาคตไกลแน่ๆ ในวงการ

หนังเรื่องนี้นอกจากมีเรื่องราวความรักที่น่าประทับใจ เป็นความรักที่ลึกซึ้งอันเกิดจากความเข้าใจซึ่งกันและกันอย่างแท้จริงแล้ว ยังทำให้ฉันได้เข้าใจคนเป็นโรคนี้มากขึ้นจากที่เคยได้ยินว่ามีคนส่วนหนึ่งเป็นกัน แต่ฉันก็ไม่เข้าใจว่าอาการจะเป็นอย่างไร พอได้ดูหนังเรื่องนี้ก็ทำให้เข้าใจมากขึ้น และคิดว่าที่จริงแล้วก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไรเลย พวกเขาก็เป็นคนปกติเหมือนพวกเราเสียด้วยซ้ำ เพราะคนที่ไม่ได้เป็นโรคนี้หลายคน (รวมถึงตัวฉันด้วย) ก็ยังมีอารมณ์แปรปรวนบ้างเป็นพักๆ เหมอืนกัน

1 ความคิดเห็น :

  1. เป็นเหมือนกันเลยครับ ดูหนังเยอะแต่ขี้เกียจเขียนรีวิว ^^

    ตอบลบ