Chernobyl Diaries (2012)
ความยาว 86 นาที ประเภท Horror เรตติ้ง imdb: 5.0
ผู้กำกับ : Bradley Parker
เนื้อเรื่อง /เขียนบท : Oren Peli (screenplay), Carey Van Dyke (screenplay)
ดารานำแสดง : Jesse McCartney, Jonathan Sadowski และ Olivia Dudley
อุบัติภัยเชอร์โนบิล (ยูเครน: Чорнобильська катастрофа, Čornobyľśka katastrofa; อังกฤษ: Chernobyl disaster) เป็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 เมษายน ค.ศ. 1986 ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิล ตั้งอยู่ที่นิคมเชอร์โนบิล ริมฝั่งแม่น้ำนีเปอร์ ใกล้เมืองพริเพียต จังหวัดเคียฟ ทางตอนเหนือของยูเครน ใกล้ชายแดนเบลารุส (ในขณะนั้นยูเครนและเบลารุสยังเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต) อุบัติเหตุที่เชอร์โนบิลนี้เป็นอุบัติเหตุที่เกิดกับโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ที่ร้ายแรงที่สุดในปัจจุบัน
อุบัติเหตุเกิดขึ้นเมื่อวิศวกรได้ทำการทดสอบการทำงานของระบบหล่อเย็น และระบบทำความเย็นฉุกเฉินของแกนปฏิกรณ์นิวเคลียร์ แต่การทดสอบระบบได้ล่าช้ากว่ากำหนดจนต้องทำการทดสอบโดยวิศวกรกะกลางคืน ได้เกิดแรงดันไอน้ำสูงขึ้นอย่างฉับพลัน แต่ระบบตัดการทำงานอัตโนมัติไม่ทำงาน ส่งผลให้เกิดความร้อนสูงขึ้นจนทำให้แกนปฏิกรณ์นิวเคลียร์หมายเลข 4 หลอมละลาย และเกิดระเบิดขึ้น ผลจากการระเบิดทำให้เกิดขี้เถ้าปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสีพวยพุ่งขึ้นสู่บรรยากาศ ปกคลุมทางตะวันตกของสหภาพโซเวียต ยุโรปตะวันออก ยุโรปตะวันตก ยุโรปเหนือ ทางการยูเครน เบลารุส และรัสเซีย ต้องอพยพประชากรมากกว่า 336,000 คน ออกจากพื้นที่อย่างฉุกเฉิน
อุบัติเหตุครั้งนี้ได้รับการจัดความรุนแรงไว้ที่ระดับ 7 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตามมาตราระหว่างประเทศว่าด้วยเหตุการณ์ทางนิวเคลียร์ ในปี ค.ศ. 2005 สำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ และองค์การอนามัยโลกได้ประมาณการว่ามีผู้ได้รับผลกระทบจากการระเบิดโดยตรงมากกว่า 600,000 คน มีผู้เสียชีวิตทันทีหลังการเกิดระเบิด 56 คน แต่ผู้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งจากการสัมผัสกัมมันตรังสีอาจสูงถึง 4,000 คน
------------------------------------- ข้อมูลจาก wikipedia
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ คริส (Jesse McCartney) กับแฟนสาว นาตาลี (Olivia Dudley) ตัดสินใจไปเยี่ยมพี่ชาย พอล (Jonathan Sadowski) ที่มาตั้งหลักปักฐานที่ยูเครน โดยในทริปนี้นาตาลีพาเพื่อนสาวที่เพิ่งเลิกกับแฟนหนุ่มมาพักผ่อนเพื่อรักษาแผลใจด้วย เธอคือ อแมนด้า (Devin Kelley)
คริสมีแผนการณ์ที่จะขอนาตาลีแต่งงานเมื่อพวกเขาเดินทางไปถึงรัสเซีย แต่ขณะที่พบกับพอลผู้เป็นพี่ชาย เขาได้ชักชวนให้คริส นาตาลี และอแมนด้าไปทัวร์สถานที่พิเศษนั่นคือ โรงไฟฟ้าเชอร์โนบิล ซึ่งปัจจุบันถูกปิดร้างมากว่า 20 ปี โดยผู้นำทัวร์คือ ยูริ (Dimitri Diatchenko) ซึ่งเป็นนายทหารเก่า และรับนำทัวร์เป็นเวลากว่า 5 ปีแล้ว
แม้คริสจะไม่เห็นด้วยนัก ด้วยว่าเขาเป็นคนที่ค่อนข้างรอบคอบ และระมัดระวังตัว ดังนั้นเขาจึงมีความเป็นห่วงความปลอดภัยที่อาจเกิดขึ้นได้จากสารกัมมันตภาพรังสีที่ตกค้างอยู่ แต่ก็ขัดเสียงส่วนใหญ่ไม่ได้ พวกเขาจึงเดินทางไปรวมตัวกันที่สำนักงานทัวร์ของยูริ และขณะที่กำลังจะออกเดินทาง ก็มีนักท่องเที่ยวแบคแพคมาร่วมทริปอีก 2 คน นั้นคือ ซูอี้ (Ingrid Bolsø Berdal) และแฟนหนุ่ม ไมเคิล (Nathan Phillips)
พวกเขาเดินทางไปยังบริเวณโรงงานไฟฟ้า ซึ่งในตอนแรกพวกเขาถูกเจ้าหน้าที่ห้ามปรามไว้ ยูริบอกว่าเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เพราะหากมีเหตุการณ์ที่ห้ามนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไปเยี่ยมชม จะต้องมีการแจ้งล่วงนี้ แต่ยูริก็หาทางแก้ไว้แล้วนั่นคือ เขารู้เส้นทางพิเศษที่สามารถเข้าไปเยี่ยมชมได้
ในที่สุดนักท่องเที่ยวหนุ่มสาวก็ได้มีโอกาสเข้าเหยียบแผ่นดินที่ได้ชื่อว่าอันตรายจากสารกัมมันตภาพ และเป็นสถานที่ประวัติศาสตร์ที่ปัจจุบันกลายเป็นเมืองร้างไปเสียแล้ว ระหว่างที่พวกเขากำลังตื่นตาตื่นใจอยู่นั่นเอง ก็ได้เห็นเหตุการณ์อันน่าตะลึงพรึงเพริด ด้วยว่ามีหมีตัวใหญ่วิ่งสวนออกมาจากตึกร้างนั่นเอง
พวกเขาจึงตั้งใจว่าจะรีบเดินทางออกมา แต่โชคร้ายที่รถตู้ที่ยูริขับพามา กลับมีปัญหาไม่สามารถเดินทางออกมาได้ พวกเขาจำเป็นต้องค้างคืนที่นี่ โดยไม่คาดคิดมาก่อนว่า สถานที่อันน่าตื่นตาตื่นใจที่พวกเขาเพิ่งดื่มด่ำกับความรู้สึกนั้น กำลังจะพาพวกเขาไปพบเจอเรื่องราวอันน่าสะพรึงกลัว และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต..
---
หนังเรื่องนี้มีพล๊อตเรื่องที่ค่อนข้างแปลกใหม่สำหรับฉัน โดยเฉพาะเรื่องราวที่เกี่ยวกับสถานที่นี้ก็อยู่ในความสนใจของฉันมานานแล้ว เมื่อได้เห็นหนังเรื่องนี้ออกฉาย ฉันก็เกิดความรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที โดยไม่ได้คำนึงถึงเรตติ้ง imdb หรือกระแสว่าใครจะพูดถึงหนังเรื่องนี้ว่าอย่างไร
อารมณ์ของหนังในช่วงแรกทำได้น่าตื่นเต้น น่าสนใจดี เพราะทำให้ฉันรู้สึกเหมือนได้เดินทางร่วมทริปไปกับพวกเขา ได้เห็นสถานที่ที่เคยสนใจมานาน แต่ในขณะเดียวกันที่หนังเล่าเรื่องราวปูทางช้าๆ นั้น ในใจฉันก็อดคิดไปล่วงหน้าไม่ได้ว่า หนังจะมีทิศทางการเล่าเรือ่งราวไปแนวไหนกันแน่
แต่เมื่อหนังเล่าจากกลางเรื่องไปจนถึงปลายนั้นดูเหมือนว่าไม่สามารถสร้างความน่าสนใจได้อย่างต่อเนื่องได้ เพราะเริ่มมีการเล่าเรื่องแบบเน้นความมืดๆ ภาพที่มองไม่ชัด เพื่อบิ้วท์อารมณ์ผู้ชมให้รู้สึกตื่นเต้นหวาดกลัว ซึ่งไม่ได้ผลสำหรับฉัน ดังนั้นพอปลายๆ เรื่องฉันจึงเริ่มรู้สึกดูแล้วง่วง >.<
แน่นอนว่าบทสรุปของหนังเรื่องนี้จึงไม่สามารถสร้างความแตกต่างอะไรจากหนังแนวสยองขวัญทั่วไปมากนัก ซึ่งก็สมควรที่จะได้เรตติ้งระดับนี้ ถ้าความบทสรุปจากความรู้สึกของฉัน คงพูดได้แค่ว่า พอดูได้เพลินๆ ไม่น่าประทับใจอะไรให้หยิบมาดูซ้ำ ..
ปล. เพิ่งรู้ว่าผู้สร้างหนังเรื่องนี้เป็นคนเดียวกันกับผู้สร้าง Paranormal Activity ซึ่งเป็นหนังเรื่องที่ฉันโคตรไม่ชอบเลย 555 โชคดีที่หนังเรื่องนี้ไม่ได้เอาเทคนิคแบบหนังเรื่องเหล่านั้นมาใช้ เพราะที่ฉันเกลียดมากคือ หนังที่ใช้มุมกล้องแบบนั้น เป็นหนังประเภทเดียวที่ฉันไม่เคยดู และไม่คิดจะดูเลย..
Chernobyl Diaries 2012 Movie Trailer :
เห็นด้วยครับว่าช่วงแรกหนังทำได้น่าสนใจดี แต่พอถึงฉากที่น้องพระเอกวิ่งตามไกด์ไปในความมืดจนขาเดี้ยงเป็นต้นมา หนังก็เริ่มไม่เข้าท่ามากขึ้นทุกที จนผมได้แต่คิดว่าเมื่อไหร่จะตายกันหมดเสียที อิอิ
ตอบลบปล.แต่ผมค่อนข้างชอบสำหรับ Paranormal Activity นะครับ แม้ว่าจะเริ่มเฝือกับมุกของหนังชุดนี้แล้วก็ตามที
:) ขอบคุณที่แวะมาคุยค่ะ
ตอบลบ