วันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

Night and Fog (2009) : มืดมนหม่นเศร้าในเมืองหลวง


Night and Fog (2009)
หนังฮ่องกง (Hong kong Movies :Tin shui wai dik ye yu mo -original title)
ความยาว 122 นาที ,ประเภท : Drama ,คะแนน IMDb : 6.9
ผู้กำกับ : Ann Hui
เนื้อเรื่อง/เขียนบท : Alex Law , King-wai Cheung
ดารานำแสดง : Simon Yam, Jingchu Zhang และ Amy Chum

--
หนังเรื่องนี้ เป็นหนังเรื่องที่มืดมนที่สุดในหนังชุด “Tin Shui Wai” (ย่านเมืองใหม่ในฮ่องกง) ต่อจากเรื่องแรก The Way We Are ซึ่งเป็นการนำเสนอด้านแห่งความมืดมน และไร้ความหวังในชีวิต ของการใช้ชีวิตของครอบครอบคนรุ่นใหม่ในเมืองหลวง อันต้องเผชิญกับภาวะความยากลำบากต่างๆ ในการดำรงชีวิต ซึ่งล้วนแล้วแต่ต้องอาศัยเงินตรา และวัตถุภายนอกเป็นส่วนประกอบที่สำคัญในทุกๆ ด้าน

Night and Fog หนังที่นำแสดงโดย เยิ่นต๊ะหัว และจางชิงชู เล่าเรื่องอันสลดหดหู่ ของหญิงสาวจากแผ่นดินใหญ่ ที่แต่งงานกับชายอายุมากกว่าชาวฮ่องกง ทั้งสองใช้ชีวิตกับลูกสาวฝาแฝด ในเฟล็ตในย่าน ทินสุ่ยไหว่ แ้ม้จะเป็นการใช้ชีวิตครอบครัวที่เต็มไปด้วยความรุนแรง การระบายอารมณ์ และการทุบตีจากสามี แต่หญิงสาวก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจำทน จนในที่สุดปัญหาที่หมกหมมมานานส่งผลก่อให้เกิดโศกนาฏกรรมอาชญากรรมสะเืืทือนขวัญขึ้น



หนังเปิดเรื่องจากตอนจบอันเป็นเหตุการณ์สะเืืทือนขวัญที่ถูกรายงานข่าวผ่านจอโทรทัศน์ว่า มีคดีฆ่ายกครัว ซึ่งประกอบด้วยสามีวัยกลางคนนายหลี่ (Simon Yam) ภรรยาสาวสวยที่อายุน้อยกว่า ฮุยหลิง (Jingchu Zhang) และลูกสาวฝาแฝด หนังดำเนินเรื่องโดยเล่าจากบทสรุปจุดจบของครอบครัวนี้ก่อนจะเริ่มต้นเล่าตั้งแต่จุดเริ่มต้น โดยอาศัยการให้ปากคำบอกเล่าของพยานแวดล้อมที่รู้จักมักคุ้นกับครอบครัวนี้

การให้ปากคำของพยานเริ่มต้นจากหญิงวัยกลางคนที่พักอยู่ห้องถัดไปจากครอบครัวนี้ นั่นคือ นางอู๋ (Amy Chum) เธอเล่าว่า นายหลี่ที่เธอได้สัมผัสนั้นเป็นคนที่ท่าทางใจดี เรียบร้อย ครอบครัวของเขาเพิ่งย้ายมาอาศัยอยู่ที่นี่ได้ไม่นาน เดิมแต่เขาเป็นคนฮ่องกงแต่ได้ภรรยาสาวที่พามาจากเมืองจีนแผ่นดินใหญ่ เขาไม่มีอาชีพอะไรที่แน่นอนนัก แต่ก็มีส่วนรับผิดชอบครอบครัวโดยการไปหาปลามาให้ภรรยาทำอาหารเย็นบ้าง พาลูกๆ ไปส่งที่โรงเรียนบ้าง นอกจากนั้นก่อนที่จะมาใช้ชีวิตกับภรรยาสาวอย่างฮุยหลิง เขาก็เคยผ่านการแต่งงานมาแล้วครั้้งหนึ่ง และมีลูกชายโตเป็นหนุ่ม ซึ่งประกอบอาชีพเปิดสถานบริการทางเพศ บ่อยครั้งที่เงินขาดมือ ก็จะได้ลูกชายคนนี้คอยจุนเจืออยู่เสมอๆ

หลี่นั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกเก็บกดด้วยความเป็นชายชราที่มีภรรยาสาว เขามักจะหึงหวง และไม่อยากให้ฮุ่ยหลิงออกไปทำงานนอกบ้าน แต่สภาวะทางการเงินที่ฝืดเคืองจึงไม่อาจทำเช่นนั้นได้ บวกกับความรู้สึกที่ว่าตัวเองด้อยค่่าเพราะไม่สามารถหาเงินมาเลี้ยงดูครอบครัวให้อยู่สุขสบายได้ ดังนั้นเมื่อความรู้สึกกดดันเพิ่มมากเข้าก็ส่งผลให้เขามีอารมณ์แปรปรวน และบ่อยครั้งที่ใช้กำลังระบายอารมณ์กับภรรยาสาว เพื่อตอกย้ำให้เธอได้รับรู้ว่า หากขาดเขาแล้วเธอก็จะไม่สามารถอยู่ได้อย่างแน่นอน

ส่วนฮุ่ยหลิงนั้น ทำงานเป็นพนักงานในร้านอาหารแห่งหนึ่ง เธอทำงานหนักทั้งนอกบ้าน และในบ้าน ด้วยเหตุว่ามีลูกสาวฝาแฝด 2 คนที่ต้องกลับไปดูแล และสามีสูงวัยกว่ามาก ที่มักจะใช้อารมณ์ทำร้าย และกดขี่ข่มเหงเธอเสมอบ่อยครั้งที่เขาโมโหร้าย และวันหนึ่งเมื่อเขาขับไล่เธอและลูกๆ ออกจากบ้าน ซึ่งเธอก็ได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านคือ นางอู๋นั่นเอง

ฝ่ายพยานปากที่สองคือ ลิลี่ (Wai Keung Law) ผู้ซึ่งได้มีโอกาสพบปะและรู้จักกับฮุ่ยหลิงและลูกๆ ที่บ้านพักที่ทางการจัดหาไว้ให้พำนักเพื่อหลบภัย หลังจากที่เธอถูกสามีขับไล่ออกจากบ้านแล้ว สถานที่นี้แม้จะเต็มไปด้วยผู้คนแปลกที่มีกริยาท่าทางแปลกๆ แต่ก็ยังมีบา่งคนที่มีน้ำใจคอยช่วยเหลือให้ฮุ่ยหลิงและลูกๆ อุ่นใจ และมีความหวังขึ้นบ้าง

แต่ชีวิตไม่ได้ง่ายและราบรื่นไปทุกสิ่งอย่างที่ฮุ่ยหลิงตั้งใจไว้ เพราะในที่สุดแล้ว ความฝัน ความหวังที่เธอเริ่มต้นคิดตั้งแต่วันแรกที่เธอวาดหวังไว้ว่าจะได้มีชีวิตแต่งงาน และดำรงชีวิตอย่างมีความสุขบนแผ่นดินที่เจริญรุ่งเรืองทางวัตถุอย่างฮ่องกงที่เย้ายวนจนทำให้เธอกล้าหาญตัดสินใจคบหาและย้ายมาใช้ชีวิตกับชายสูงกว่ามากนั้น กลับกลายเป็นละครบทเศร้าที่มีจุดจบชวนให้สลดหดหู่ใจ

--
ในความรู้สึกของฉันที่มีต่อภาพยนตร์เรื่องนี้นั้นถือว่ายอดเยี่ยมมากๆ ในด้านการนำเสนอเรื่องราวของผู้กำกับ เป็นการนำเสนอที่ชาญฉลาด การตัดฉากย้อนกลับไปมาระหว่างปัจจุบันกับอดีตก็ทำได้แนบเนีียนไม่มีสะุดุดเลย และแม้จะนำเสนอด้านมืดมนของมนุษย์ก็ยังทำได้อย่างสมเหตุสมผล ทุกตัวละครมีเหตุผลประกอบการกระทำ ไม่ได้บิ้วอารมณ์ให้เศร้า รันทดจนเกินไป แต่เป็นการนำเสนอที่ทำให้เราเข้าใจชีวิตมนุษย์ได้จริง

ฉันว่าการใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี้ในยุคปัจจุบันไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งโดยเฉพาะในเมืองที่เต็มไปด้วยความเจริญด้านวัตถุมากกว่าจิตใจ เพราะเมื่อมีการวัดคุณค่า และอาศัยวัตถุเข้ามาประกอบเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมากเกินไป จนลืมเลือนการพัฒนาทางด้านจิตใจ ยิ่งทำให้ภาวะอารมณ์ของคนเมืองนั้น มุ่งแต่จับจ้องผูกมัดตัวเองเข้ากับสิ่งภายนอกตัว การยึดติด การตีค่าความเป็นเจ้าของชีวิตอีกฝ่ายมากเกินไป จนละเลยที่จะมองเข้าไปในจิตใจของกันและกัน

และเมื่อถึงที่สุดแล้ว ปัญหาที่ตนเองก่อไว้ยุ่งยากผูกมัดเป็นปมเกินแก้ไข ด้วยพื้นฐานที่ไม่ได้มองเข้าไปในจิตใจตัวก่อน จึงทำให้พวกเขาเหล่านั้นใช้วิธีแก้ปัญหาแบบมักง่าย ด้วยการล้มกระดานชีวิตของตัวเอง และคนรอบข้าง ทั้งๆที่ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ถูกต้องเลย เราจึงเห็นการตัดสินใจฆ่าตัวตาย , ฆ่ายกครัว ฯลฯ ด้วยอารมณ์ชั่ววูบบ่อยครั้งในหน้าข่าวปัจจุบัน

ดูหนังเรื่องนี้จบแล้วยิ่งตอกย้ำให้ฉันมั่นใจตัวเองว่า น่าจะถึงเวลาแล้วที่คนเราในสังคมยุคปัจจุบันควรหาเวลาพัฒนาจิตใจ ควบคู่ไปกับวัตถุด้วย ชีวิตจึงจะสมบูรณ์และมีความสุข เมื่อมีปัญหาจึงจะสามารถแก้ไขด้วยสติปัญญาได้...



**************

Night and Fog 2009 Movies Trailer :

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น