วันพุธที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

Certified Copy (2010) :รักแท้แสนโรแมนติก หรือแค่ทริคในเกมลวง


Certified Copy (2010)
หนังฝรั่งเศส (French Movies :Copie conforme -original title)
ความยาว 106 นาที ประเภท : Drama
ผู้กำกับ : Abbas Kiarostami
เนื้อเรื่อง/เขียนบท : Abbas Kiarostami
ดารานำแสดง : Juliette Binoche, William Shimell และ Jean-Claude Carrière
รางวัลที่ได้รับ : ได้รับการเสนอเข้าชิง 1 รางวัล & ชนะเลิศ 1 รางวัล ดูรายละเอียด

--
หนังเรื่องนี้เป็นผลงานการกำกับชาวอิหร่าน Abbas Kiarostami ซึ่งมีผลงานที่ฉันเพิ่งเขียนถึงก่อนหน้านี้ นั่นคือ Taste of Cherry นั่นเอง โดยเรื่องนั้นจะเป็นการเล่าถึงประเด็นถกกันเรื่องของปรัชญาชีวิต และความตายเป็นหลัก แต่สำหรับเรื่องนี้เขาเปลี่ยนแนวเป็นการถ่ายทอดเรื่องของประเด็นความรัก แต่ก็ยังไม่วายสอดแทรกปรัชญาของความรักไว้ในหนังเรื่องนี้ด้วย

Certified Copy เป็นเรื่องราวของหญิงชายคู่หนึ่งซึ่งพบเจอกันในงานแถลงเปิดตัวหนังสือ พวกเขาได้ใช้เวลาร่วมกันครึ่งวันในสถานที่โรแมนติก สวยงามอย่างทัสคานี โดยผู้ชมจะได้เดินทางร่วมไปกับพวกเขา ได้รับรู้บทสนทนาที่ชวนคิด ได้พบเจอคู่รักคู่อื่นๆ ที่ให้คำแนะนำเพื่อให้ความสัมพันธ์ของหญิงชายคู่นี้เป็นไปได้อย่างราบรื่นขึ้น และสุดท้ายเราจะได้รับรู้ "ความจริง" อันซ่อนอยู่เบื้องหลังความโรแมนติกที่ฉาบหน้าอยู่ของเรื่องราวทั้งหมดว่ามันคือ "รัก หรือ ลวง" กันแน่?




หนังเริ่มเล่าเรื่องถึงเหตุการณ์ในเมืองทัสคานีมีการเปิดตัวหนังสือเล่มใหม่ที่ชื่อว่า "Certified Copy" ของนักเขีียนชาวอังกฤษ เจมส์ (William Shimell) ในงานนี้มี แอลล์ (Juliette Binoche) เจ้าของร้านขายงานศิลปะ ที่อาศัยอยู่ในเมืองนี้มาร่วมงานด้วย เพราะเธอเป็นแฟนหนังสือของเขามานาน เธอออกจากงานแถลงข่าวก่อนเวลาด้วยว่าต้องพาลูกชายวัย 11 ขวบที่ตามมาด้วยไปรับประทานอาหาร ขณะที่พวกเขากำลังรออาหาร ลูกชายเปิดประเด็นเรื่องของเธอกับนักเขียนเจมส์ที่ว่า การที่เธอมาร่วมงานในครั้งนี้ก็เพื่อหวังให้เขาสนใจ และนัดเดทด้วยใช่ไหม ซึ่งคำถามประโยคนี้ทำให้เธอเคืองจนเดินออกจากร้านไปในทันที

... แน่นอนว่าผู้ชมอย่างฉันเริ่มงง อะไรจะโกรธมากมายขนาดนั้นจนเมื่อดูหนังจนจบถึงได้เข้าใจ เพราะหนังซ่อนนัยยะไว้ในทุกการแสดงออก และทุกบทสนทนาที่ผู้ชมจะค่อยๆ ประติดประต่อเรื่องราวต่างๆ ได้เองในตอนจบ ซึ่งกลวิธีในการเล่าเรื่องแบบนี้นั้น จะทำให้ถ้าผู้ชมคนไหนหลุดโฟกัสไปจากหนัง เมื่อกลับมาก็จะงง จนไม่เข้าใจเรื่องราวของหนังเลย (ฉันสังเกตว่าเป็นลักษณะการนำเสนอของผู้กำกับคนนี้)

หลังจากจบงานแถลงเปิดตัวหนังสือ เจมส์แวะมาที่ร้านของแอลล์ทั้งคู่มีการสนทนากันและจบด้วยข้อเสนอของเธอที่จะนำเขาไปท่องเที่ยวแถบลูชิญาโน่ โดยที่เขาเองก็มีเวลาเพียงครึ่งวันเท่านั้น ถึงตอนนี้หลายๆ คนเริ่มคิดถึงพล๊อตหนังเรื่อง Before Sunset , Before Sunrise ใช่ไหม ฉันเองก็เช่นเดียวกัน เริ่มจินตนาการไปถึงเรื่องราวแสนโรแมนติกระหว่างชายหญิงที่มีเวลาร่วมกันจำกัดในสถานที่สวยงาม


ในทริปสั้นๆ นี้พวกเขาได้พบกับหนุ่มสาวคู่รักที่เพิ่งแต่งงานกันใหม่ๆ , คู่รักวัยชราที่อาศัยอยู่ในเมืองนี้ และครองรักกันมายาวนาน โดยเฉพาะคู่รักชราที่สังเกตได้ถึงความสัมพันธ์ของเจมส์และแอลล์ ชายชราฉวยโอกาสแนะนำเทคนิกการดูแลฝ่ายหญิง และดูเหมือนว่าเจมส์ก็พยายามทำตาม เราจึงเห็นถึงชายหญิงคู่หนึ่งกับความสัมพันธ์ที่แม้จะประดักประเดิดแต่ก็ชวนให้จินตนาการว่าเรื่องราวความรักของทั้งคู่จะจบลงอย่างโรแมนติก

แต่อย่างไรก็ดี ทริปพักผ่อนสั้นๆ ของทั้งคู่นี้ ไม่ได้จบอย่างที่ผู้ชมส่วนใหญ่จินตนาการไว้ ในตอนท้ายเมื่อประติดประต่อจิ๊กซอร์ต่างๆที่หนังเล่ามาตลอด เราจึงได้รู้ว่าในบทสนทนาที่ทั้งสองแลกเปลี่ยนกัน บทบาทที่ทั้งคู่ได้เล่น เป็นเกมความรักที่เกินจะคาดเดาได้ถึงจุดจบของมัน ..


--
ต้องยอมรับว่าหนังเรื่องนี้ให้มุมมองใหม่ในการดูหนังแ่ก่ฉัน นั่นคือการสังเกตุรายละเอียดต่างๆ ที่ผู้กำกับพยายามทิ้งสัญลักษณ์ไว้ตามจุดต่างๆของการเล่าเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นภาษา การแต่งกาย การแสดงออก ฯลฯ ซึ่งถ้าหากพยายามไม่พลาดสิ่งเหล่านั้น ก็จะทำให้เราได้รับอรรถรสเต็มที่ตามวัตถุประสงค์ที่ผู้กำกับอยากจะสื่อสารกับเรา

สำหรับประเด็นหนึ่งของเรื่องราวในหนังที่ฉันรู้สึกประทับใจ และเป็นประเด็นที่ค้างคาใจฉันอยู่ในช่วงนี้ คือ"ความรักและการหมดอายุของมัน" ในหนังเรื่องนี้ก็มีถกถึงเรื่องนี้เช่นกัน ระหว่างคนที่ยังรัก และคนที่ลืมมันไปแล้ว มันจึงเป็นความร้้าวรานประการหนึ่งของคนที่ยังรักอยู่พยายามจะทำให้คนที่ลืมจำมันได้ มีหลายๆฉากในหนังเรือ่งนี้ที่แสดงให้เห็นถึงวิธีการที่คนผู้นั้นลงมือกระทำบางสิ่งบางอย่าง แต่มันน่าเศร้าที่สุดท้ายก็รู้ว่ามันไม่มีประโยชน์อะไร และสุดท้ายต้องตัดพ้อออกมาว่า "I know you hate me. There's nothing I can do about that. But at least try to be a little consistent. โห เจ็บปวดนะเนี่ย

หนังเรื่องนี้เพิ่งฉายในเมืองไทยเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ในโรงหนังเฮ้าส์ อาร์ซีเอ ด้วยเหตุที่ว่าไม่ใช่่หนังตลาด จึงทำให้เป็นที่รู้จักในวงแคบๆ แม้จะเป็นคนรักหนังก็ตาม อีกอย่างหนึ่งถ้าไม่ได้นางเอกอย่างจูเลียต บินอชนี่ก็คงไม่มีใครสนใจเหมือนกัน แต่อาศัยบารมีของเธอจึงพอจะมีโอกาสทำให้เผยแพร่ออกสู่วงกว้างบ้าง (นิดหน่อย) ที่ได้นางเอกระดับนี้เพราะผู้กำกับสนิทสนมกับเธอเป็นการส่วนตัวนั่นเอง

นอกจากนั้นยังทำให้เธอได้รางวัลดารานำหญิงในการประกวดหนังเทศกาลเมืองคานน์ในปี 2010 มาครองเป็นผลสำเร็จด้วย



**************************

--
Certified Copy Movie Poster

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น