วันพุธที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2555

sympathy for mr vengeance (2002): เขาฆ่าแบบชาติหน้าไม่ต้องเกิด


sympathy for mr vengeance (2002)
หนังเกาหลี : Original title : Boksuneun naui geot
 ความยาว 129 นาที ประเภท Crime | Drama | Thriller เรตติ้ง IMDb: 7.8
ผู้กำกับ : Chan-wook Park
เนื้อเรื่อง/เขียนบท : Mu-yeong Lee, Chan-wook Park
ดารานำแสดง : Kang-ho Song, Ha-kyun Shin and Doona Bae ---

ฉันเพิ่งได้ดูหนังเรื่องนี้เมื่อคืนที่ผ่านมา ที่จริงแล้วหนังเรื่องนี้เป็นหนึ่งในหนังชุดความแค้นบรรลือโลกของผู้กำกับคนนี้ ซึ่งมีสามเรื่องด้วยกันนั่นก็คือ Sympathy For MR. Vengeance (2002) , Oldboy (2003) และ Sympathy For Lady Vengeance (2005) ซึ่งฉันดันไล่ดูหนังเรื่องสุดท้าย เรื่องกลางก่อน เพิ่งได้ดูเรื่องแรกของชุดในตอนท้ายสุด แต่ก็ไม่ทำให้อรรถรสในการชมสูญเสียไปเท่าใดนัก เนื่องจากแต่ละเรื่องนั้น มีการดำเนินเรื่องโดยตัวละครแยกจากกัน และเนื้อเรื่องไม่เกี่ยวข้องกัน

ฉันดูหนังเรื่องนี้โดยไม่อ่านเนื้อหาหรือบทวิจารณ์จากที่ใดๆ เลย นั่นทำให้ช่วงเวลาที่ได้ชมเป็นไปได้อย่างสนุกสนานลุ้นระทึกไปตลอดทั้งเรื่อง การนำเสนอของหนัง ทำให้ฉันรู้สึกอึดอัด หดหู่ หม่นหมอง ซึ่งต้องยอมรับว่าผู้กำกับเก่งมากๆ ที่สามารถบิ้วอารมณ์คนดูได้ขนาดนี้ ที่ฉันรู้สึกแบบนี้เพราะว่า ตัวละครทุกตัวในเรื่องล้วนแต่มีมิติที่ลึก ซับซ้อน ทุกคนมีเหตุผลในการแก้แค้น และในขณะเดียวกันก็มีเหตุผลที่จะได้รับความเห็นใจ ความลำบากของการชมคือ ลุ้นให้ผู้กำกับช่วยปราณีตัวละครหน่อยทีเถอะ >.<



 Sympathy for mr vengence เป็นเรื่องราวความแค้นของ 2 หนุ่ม ระหว่าง ชายหนุ่มใบ้ ผู้มีภาระต้องเลี้ยงดูพี่สาวซึ่งป่วยเป็นโรคไต ซึ่งต้องใช้เงินจำนวนมาก และรอโอกาสจะมีผู้ใจบุญบริจาคไต เขามีแฟนสาวเป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ใครๆ ก็บอกว่าเธอเพี้ยน มีแต่เขาเท่านั้นที่รู้ว่าเบื้องหลังความแปลกของเธอนั้น เธอมีจิตใจที่ดีงามสำหรับเขาขนาดไหน

 วันหนึ่งในช่วงเวลาที่เหมาะสมมีผู้บริจาคไต สิ่งที่เหลือคือ ต้องหาเงินจำนวนหนึ่งมาเพื่อช่วยให้พี่สาวกลับมาแข็งแรงดังเดิม แต่เหมือนโชคไม่เข้าข้างสองพี่น้อง เพราะชายหนุ่มใบ้ถูกผู้บริหารบริษัทที่เขาทำงานอยู่ไล่ออก ความเดือดร้อนทางการเงินทำให้เขากับแฟนสาวร่วมมือกันจับตัวลูกสาวของประธานบริษัทมาเรียกค่าไถ่ ปฐมเหตุของการจับตัวเด็กมาเรียกค่าไถ่นี้ เพียงแค่ต้องการเงินก้อนหนึ่งเท่านั้น โดยขณะที่จับตัวเด็กมา ก็ดูแลเด็กน้อยเป็นอย่างดี พวกเขาหวังเพียงว่าเมื่อได้รับเงินมาแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าแล้ว ก็จะส่งเด็กกลับไปสู่ครอบครัวโดยดี เพียงแต่โลกนี้มีสิ่งคาดไม่ถึงมากมาย เหตุการณ์กลับกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต และโศกนาฏกรรม ....

ในขณะที่อีกฝ่ายเป็นประธานบริษัท เขาเป็นชายหนุ่มที่การศึกษาไม่สูงนัก อาศัยเพียงความมุมานะทำงานหนัก จนไต่เต้าเป็นผู้บริหารบริษัทใหญ่ที่มีเงินเดือนสูง เพื่อดูแลครอบครัวให้สุขสบาย เขามีลูกสาวที่น่ารัก ภรรยาสาวสวย เพียงแต่การทุ่มเททำงานหนักนั้น ส่งผลให้เขาไม่มีเวลาดูแลภรรยา เธอจึงขอแยกทางจากไป ทิ้งไว้เพียงแต่ลูกสาวเล็กๆ ที่น่ารักน่าชัง

วันหนึ่งบริษัทเกิดวิกฤต มีการทำงานผิดพลาด เขาจำเป็นต้องปลดคนงานออกบางส่วน และผลกระทบแรกคือ มีคนงานที่เดือดร้อนจำนวนมาก ผลกระทบที่สองคือ ลูกสาวเขาถูกจับตัวไปเรียกค่าไถ่ เขาไ่ม่คิดจะแจ้งตำรวจเพราะคิดเพียงว่า มีหลายเคสที่จบลงด้วยดี จ่ายเงินไป แล้วก็จะได้ตัวประกันคืน เพียงแต่กรณีลูกสาวของเขาต่างออกไป ...

ความแค้นของคนดีสองคนจึงเริ่มขึ้น มันโหดร้าย กดดัน และเจ็บปวด อาจจะเป็นด้วยลึกๆ ภายในใจพวกเขาไม่ใช่คนที่โหดร้ายนัก เพียงแต่ความแค้นมันบีบคั้นจนไม่สามารถเก็บกดไว้ภายในได้อีก หนังเรื่องนี้อาจจะเหมาะกับคนซาดิสต์นิดๆ เพราะมันเครียด อึดอัด กดดันเอามากๆ และลุ้นไปว่าผู้กำกับจะจบเรื่องราวเหล่านี้ได้อย่างไร ซึ่งก็ขอบอกว่า จบได้อึ้งเลยทีเดียว ฉันดูจบก็ได้แต่อุทานในใจว่า แหม คิดได้นะเนี่ย :P แถมไม่เชื่อตาตัวเองขนาดกรอกลับไปดูซ้ำอีกต่างหาก

 ดูหนังจบฉันคุยกับตัวเอง ถามว่าฉันได้อะไรจากหนังเรื่องนี้บ้างนอกจากความบันเทิง? คำตอบที่ออกมาในตอนนั้น คงเป็นแง่ที่ได้ข้อคิดว่า สุดท้ายแล้ว ใครทำกรรมอะไรไว้ก็จะได้รับผลของกรรมนั้น เราอาจจะหลุดรอดพ้นกฏหมายได้ แต่กฏแห่งกรรมนั้นไม่เคยมีใครหลีกพ้น เราฆ่าเขา วันหนึ่งเขาก็ต้องมาฆ่าเรา

เราแค้น เราโกรธ เราเจ็บปวด เราพยายามจะแก้แค้น แม้ทำสำเร็จ สุดท้ายแล้วเราก็ไม่อาจเรียกร้องชีวิตคนที่เรารักคืนกลับมา เราอาจได้ความสะใจ แต่ความสะใจนี้กลับกลายเป็นการผูกเวรต่อๆไป เป็นวงจรไปเรื่อยไม่มีที่สิ้นสุด .. ที่สำคัญความทุกข์ภายในใจเราก็ยังคงอยู่ ตราบใดที่เรายังไม่สามารถให้อภัยได้

พูดถึงเรื่องการให้อภัย ฉันคิดถึงเรื่องราวของเด็กสาวที่วิ่งหนีระเบิดในสมัยสงครามเวียดนาม เธอชื่อ คิม ฟุค เสื้อผ้าของเธอถูกสะเก็ดระเบิดไหม้หมด เหลือแต่ตัวเปล่าล่อนจ้อนวิ่งร้องไห้ด้วยความตื่นกลัวบนถนนแห่งหนึ่ง ซึ่งช่างภาพเก็บภาพนี้ไว้ได้ และเป็นภาพที่โด่งดังไปทั่วโลก

เวลาผ่านไปหลายสิบปี เธอเติบโตขึ้น และได้ออกมาพูดในที่ประชุมในวันทหารผ่านศึก ณ กรุงวอชิงตัน ที่นี่มีทหารคนที่มีส่วนร่วมในการทิ้งระเบิดครั้งนั้นอยู่ด้วย เธอพูดว่า เธอเคยมีความทุกข์มากทั้งกายและใจจนขนาดไม่รู้จะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างไร แต่วันหนึ่งเธอคิดได้ว่าสิ่งที่ทำร้ายเธอไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นความเกลียดชัง ความคั่งแค้นที่อยู่ภายในใจเธอนั่นเอง เธอจึงแผ่เมตตา และให้อภัยทุกคน จากนั้นเธอใช้ชีวิตอย่างมีความสุขขึ้น ..

บทสรุปของการดูหนังจบ มันทำให้ฉันได้ตอกย้ำในใจว่า เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร ซึ่งเป็นสัจธรรมที่แท้จริง เพียงแต่เราได้ฟังมาบ่อยๆ แล้วจะนำมาใช้ได้แค่ไหนต่างหาก แต่หนังเรื่องนี้ก็ทำให้เราเห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น การดูหนังของฉันจึงไม่ใช่แค่ความบันเทิง มันเป็นการดูหนังดูละคร แล้วย้อนกลับมาดูตัวเอง ปรับปรุงตัวเอง ^^

Sympathy for mr.vengeance Movies trailer :


ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น